โควิด-19 : ไทยไม่มีมาตรการเพิ่มต่อนักท่องเที่ยวจีน ยึด "เท่าเทียมทุกชาติ"
โควิด 19 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และรัฐผู้แนะนำว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตระเตรียมเสนอมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ในกลุ่มนักเดินทางจีนที่จะออกนอกประเทศเมื่อวันที่ 8 เดือนมกราคม 2566 ยึดหลักปฏิบัติเท่าเทียมกันทุกชาติและเป็นไปตามมาตรฐานด้านวิชาการ พร้อมตรวจเฝ้าระวังเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ในน้ำเสียจากเครื่องบิน ผู้เดินทางจะต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม แล้วก็มีประกันสุขภาพครอบคลุมการดูแลและรักษาโควิด-19
นี่เป็นชุดมาตรการล่าสุดที่เริ่มกระจ่างขึ้น หลังจากหลายประเทศทั้งโลกเริ่มเคร่งครัดมาตรการตรวจคัดเลือกกรองนักเดินทางจากจีน จากการยกเลิกกฎระเบียบการกักกันโรคโควิด-19 สำหรับคนที่เดินทางมาจากต่างถิ่นเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2566
นายอนุทินพูดว่าจะเสนอมาตรการชุดนี้ในวันที่ 5 เดือนมกราคม
ซึ่งมีแถลงการณ์ว่า เป็น การ ประชุม ร่วม ระหว่าง กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงท่องเที่ยว แล้วก็ กีฬา รวมทั้งกระทรวงคมนาคม
รองนายกฯ และก็ รมว. สาธารณสุข คาดคะเนเหตุว่า นักเดินทางจีนจะทยอยเดินทางมาประเทศไทยในไตรมาสแรกถึง 3 แสนคน
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 30 เดือนธันวาคม 2565 คณะกรรมการด้านวิชาการภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ชี้ว่าการพิเคราะห์มาตรการควรนึกถึงวิธีการเสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติ ตั้งอยู่บนพื้นฐานทางด้านวิชาการ ความปลอดภัยสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม
มาตรการที่ออกมาในวันนั้น ดังเช่นว่า การตรวจเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนโควิด 19 และกำหนดให้ผู้เดินทางซื้อรับรองสุขภาพเดินทางระยะสั้น ก่อนเดินทางเข้าเมืองไทย
สำหรับเพื่อการแถลงหลังการประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข วันนี้ (4 มกราคม) นายอนุทินเอ๋ยถึงเหตุการณ์โรคโควิด-19 ของไทยมีลักษณะท่าทางน้อยลง โดยข้อมูลวันที่ 25-31 ธันวาคม 2565 มีผู้เจ็บป่วยรักษาในโรงพยาบาล 2,111 ราย เฉลี่ย 301 รายต่อวัน และคนตาย 75 ราย เฉลี่ย 10 ราย ต่อ วัน โดย เกือบ ทั้งหมด ยัง เป็น กลุ่มเสี่ยง 608 ที่ไม่ได้รับวัคซีน ได้รับวัคซีนไม่ครบ ไม่ได้ รับ เข็มกระตุ้น หรือ ได้ รับ เข็ม กระตุ้น นานเกิน 3 เดือนขึ้นไป
ยืนยันไทยพร้อมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน โควิด 19 ปรับมาตรการตามเชื้อที่กลายพันธุ์
นายอนุทินพูดว่า ในการจัดแจงรับนักท่องเที่ยวที่ผ่านมา มีการประชุมปรึกษาหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการท่องเที่ยวและก็กีฬา รวมทั้งการประชุมของคณะกรรมการทางด้านวิชาการ ตาม พ.ร.บ. โรคติดต่อ พุทธศักราช 2558 ซึ่งคณะกรรมการฯ มีความเห็นตรงกันว่าควรปฏิบัติตามทางโรคติดต่อที่จะต้องเฝ้าระวัง และก็ปฏิบัติกับผู้เดินทางจากทุกประเทศอย่างเท่าเทียม ไม่ใช้มาตรการด้านสาธารณสุข เพื่อขัดขวางผู้เดินทางจากประเทศใดประเทศหนึ่ง
เขากำหนดด้วยว่า ไทยมีมาตรการป้องกันควบคุมโรคตามหลักวิชาการและเป็นไปตามมาตรฐานโลกอยู่แล้ว พร้อมด้วยการันตีว่าระบบสาธารณสุขของไทยยังมีความพร้อมเพรียงรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน ช่วงนี้มีการใช้เตียงระดับ 2-3 เพียง 5.2% และก็มีแผนการเตรียมความพร้อมแม้พบการระบาดของโรคที่รุนแรงมากขึ้น
นอกจากนั้น จะมีการติดตามแล้วก็ประเมินเหตุการณ์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 เพื่อปรับมาตรการตามเหตุการณ์ของเชื้อกลายพันธุ์
โควิด 19 มาตรการรับนักท่องเที่ยวจีน
นายอนุทิน ยังเปิดเผยถึงข้อเสนอแนะมาตรการด้านสาธารณสุขรองรับผู้เดินทางจากต่างแดนที่จะเสนอในวันที่ 5 เดือนมกราคม นี้ ยกตัวอย่างเช่น ก่อนเข้าประเทศไทยให้ฉีดวัคซีนโควิด 19 อย่างน้อย 2 เข็ม หากมีลักษณะป่วยฟุตบาทหายใจ ควรเลื่อนการเดินทางแล้วก็รักษาให้หายก่อนเพื่อลดการแพร่โรค รวมทั้งให้ซื้อรับรองสุขภาพเดินทางที่ครอบคลุมการดูแลรักษาโรคโควิด-19 ก่อนเข้าประเทศ
ส่วนมาตรการขณะพักในไทย จะมีการให้คำปรึกษาผู้เดินทางป้องกันตนเองตลอดระยะเวลาที่อยู่ในประเทศ ดังเช่น สวมหน้ากากเมื่ออยู่ภายในเขตพื้นที่สาธารณะแล้วก็ขนส่งสาธารณะ การล้างมือเสมอๆการตรวจคัดเลือกกรองด้วย ATK รวมทั้งถ้าหากมีลักษณะเจ็บป่วยร้ายแรงขึ้นให้ไปตรวจรักษาที่สถานพยาบาล
กรณีเดินทางออกจากประเทศไทยและประเทศปลายทาง มีนโยบายตรวจคัดกรองก่อนเข้าประเทศ พร้อมคำแนะนำให้พักในโฮเต็ล SHA+ ซึ่งจะมีบริการตรวจค้นเชื้อโควิด-19
ยิ่งกว่านั้นยังมีแนวทางการเฝ้าระวังโรคกลุ่มผู้เดินทางจากต่างประเทศที่มีอาการทางเดินหายใจ โดยให้ได้รับการตรวจด้วย ATK และก็แนวทาง PCR และตั้งขึ้นศูนย์ปฏิบัติงานติดตามสถานการณ์โรครวมทั้งโต้กลับภาวะฉุกเฉิน
รมว. สาธารณสุข ยังระบุถึง การกำหนดเกณฑ์ในการปรับมาตรการเมื่อเจอผู้ติดเชื้อโรคในอัตราสูงหรือพบเชื้อกลายพันธุ์ รวมถึงเฝ้าระวังและตรวจเชื้อโควิด-19 ในน้ำเสียจากเครื่องบินด้วยอีกมาตรการหนึ่ง
คาดนักท่องเที่ยวจีนมาไทยเดือน ม.ค. 60,000 คน
นายอนุทินบอกว่า จากการประมาณการนักเดินทางจีนในไตรมาสแรกในเดือน เดือนมกราคม-มี.ค. 2566 มีราวๆ 3 แสนคน คิดเป็น 5% ของนักท่องเที่ยวทุกชาติรวมกัน
โดยเดาถึงจำนวนในแต่ละเดือน เป็นต้นว่า เดือน เดือนมกราคม 60,000 คน ก.พ. 90,000 คน และก็ มี.ค. 150,000 คน โดยจะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะเหตุว่าเดี๋ยวนี้ยังมีเที่ยวบินจำกัด มีช่วงเวลาสำหรับในการขอทำหนังสือเดินทางและการขอวีซ่า รวมทั้งรัฐบาลจีนยังไม่อนุญาตให้บริษัทนำเที่ยวนำกลุ่มทัวร์ออกนอกประเทศ ผู้เดินทางจะเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเองรวมทั้งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับบนที่มีกำลังซื้อ
ขอขอบคุณสำนักข่าว BBC