Category ข่าววันนี้

ฝึกมดหามะเร็ง มดแดง

วันมะเร็งโลก : ผลการศึกษาพบว่ามดดมกลิ่นหามะเร็งได้ แล้วมีสัตว์อะไรอีกบ้าง

ฝึกมดหามะเร็ง การศึกษาใหม่กล่าวว่า ระบบการดมกลิ่นที่ว่องไวละเอียดอ่อนมากของมด ทำให้วันหนึ่ง มนุษย์อาจใช้มดสำหรับในการช่วยตรวจค้นมะเร็งในมนุษย์ได้

ส่วนในตอนนี้ นักวิทยาศาสตร์พบเป็นครั้งแรกว่า มดช่วยตรวจหาโรคมะเร็งในหนูได้

“มดอาจถูกฝึกภายในเวลา 10 นาที เพื่อสูดดมหากลิ่นมะเร็งในฉี่ของหนู” บาทีสต์ พิเคเรต์ ผู้นำในการศึกษานี้กล่าวกับบีบีซี

พิเคเรต์เริ่มทำงานวิจัยด้านนี้ในปี 2017 และสามารถฝึกหัดมดให้แยกระหว่างเซลล์ดีกับเซลล์ของโรคมะเร็งที่ถูกเพาะในห้องปฏิบัติการได้

แต่ตอนนี้ คณะทำงานของเขาก้าวหน้าไปอีกขั้น ครั้งนี้มดตรวจค้นเนื้องอกของมนุษย์ในหนูได้แล้ว

ฝึกมดหามะเร็ง มดหามะเร็ง
ฝึกมดให้ตรวจจับกลิ่นมะเร็ง

พิเคเรต์ และ ทีมงาน ของ เขา ใช้เทคนิคที่เรียกว่า การ ย้าย เนื้อเยื่อ (xenografting) ซึ่ง เป็นการ ปลูกถ่ายมะเร็งเต้านม ใน มนุษย์ ใน ตัว หนูและปลดปล่อยให้มันขยายตัว

แล้วพวกเขาจะเก็บตัวอย่างฉี่อีกทั้งจากหนูที่แข็งแรงและหนูที่มีโรคมะเร็ง

“ระหว่างการฝึกนี้ เราวางมดลงไปในสนามวงกลม และวางอาหารไว้เป็นรางวัลใกล้กับปัสสาวะของหนูที่มีโรคมะเร็ง” เขากล่าว

ขณะที่มดเผชิญรางวัล พวกมันจะเชื่อมโยงกลิ่นของเซลล์มะเร็งกับรางวัลนี้ และเรียนรู้ที่จะจดจำกลิ่นนั้นไว้

“เซลล์ก็เหมือนกับโรงงาน พวกมันจำเป็นจะต้องต้องได้รับสารอาหารเพื่อมีชีวิตและผลิตของเสีย เซลล์มะเร็งผลิตของเสียซึ่งสามารถถูกตรวจจับจากกลิ่นได้” พิเคเรต์ กล่าว

การศึกษานี้ชี้แจงว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เซลล์มะเร็งมีสารประกอบอินทรีย์บางตัวที่ระเหยง่าย ซึ่งนำไปสู่การถูกตรวจจับในฉี่และลมหายใจได้

ระหว่างกระบวนการฝึกนี้ มดจะยังคงวนเวียนอยู่บริเวณรอบๆตัวอย่างปัสสาวะของหนูที่มีเซลล์มะเร็งต่อไป แม้ว่าต่อมานักวิทยาศาสตร์จะนำรางวัลออกแล้ว

มดถูกใช้ตรวจหามะเร็งในมนุษย์ได้หรือไม่

พิเคเรต์บอกว่า ยังไม่ได้

” ใน การ ก้าว ต่อไป เรา คงต้อง เริ่ม ทดสอบ ปัสสาวะ มนุษย์ ” เขากล่าว เพิ่มเติม แต่ นั่น เป็นเรื่อง ที่ ซับซ้อน มากกว่า การทดสอบ ปัสสาวะ ของหนู

การฝึกมด ให้ ตรวจหา กลิ่น มะเร็ง ใน มนุษย์ นอกจาก จะ มี ตัวแปร หลายตัว อย่าง อายุ, เพศ, อาหาร มนุษย์ ยังมี กลิ่น ที่ เฉพาะตัว ใน แต่ละคน อีกด้วย

“มนุษย์มีกลิ่นที่ไม่เหมือนกัน มันแตกต่างกันไปในแต่ละคน และเราไม่รู้ว่า มดสามารถมุ่งเน้นไปแค่ที่เซลล์มะเร็งได้หรือไม่” พิเคเรต์ อธิบาย

แต่เขาทุ่มเทให้กับการวิจัยต่อไป เพราะเขาเชื่อว่า มดสามารถเป็นตัวตรวจหามะเร็งที่มีต้นทุนต่ำและใช้งานได้ผลดีอย่างมากได้ โดยไม่ต้องใช้เวลานานในการฝึก

“หนึ่งในข้อได้เปรียบอาจจะเป็นข้อเท็จจริงที่ว่า มดใช้ชีวิตรวมกันเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน” เขากล่าว

พิเคเรต์ ตั้งสมมติฐานว่า ถ้า 10% ของมดในฝูงมดได้รับการฝึกตรวจหามะเร็ง พวกมันก็จะเผยแพร่ความรู้นี้ให้แก่มดตัวอื่น ๆ ในฝูงได้

“บางทีข้อมูลจะแพร่กระจายออกไป และเราคงไม่ต้องเสียเวลาฝึกมดทั้งฝูง” เขากล่าว

พิเคเรต์ กล่าวว่า ทฤษฎีนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ใช้ได้ผลกับผึ้ง แต่สำหรับมด จำเป็นต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติม

ฝึกมดหามะเร็ง

ฝึกมดหามะเร็ง มีสัตว์ชนิดไหนอีกบ้างที่ตรวจหามะเร็งได้

ดร.เดบาจิต ซาฮา จากมหาวิทยาลัยรัฐมิชิแกน (Michigan State University) ของสหรัฐฯ ได้ศึกษาตั๊กแตนและความรู้ความเข้าใจสำหรับในการช่วยตรวจหาเซลล์มะเร็งมานาน 10 ปีแล้ว

ทีมงานของเขาพบว่า ตั๊กแตนสามารถรับทราบกลิ่นที่แตกต่างระหว่างเซลล์มะเร็งและเซลล์ปกติได้

พวกเขาไม่ได้กำลังฝึกตั๊กแตน แต่พวกเขากำลังศึกษาสมองของพวกมัน

“เราสามารถไปที่สมองโดยตรงได้ และใช้ความรู้ด้านประสาทวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันสร้างแบบจำลองสัญญาณทางประสาทขึ้นมา” ดร.ซาฮา กล่าวกับบีบีซี

พวกเขาหวังว่า ความรู้ที่พวกเขาได้มาจากการศึกษาสมองของตั๊กแตนจะทำให้พวกเขาสามารถสร้างอุปกรณ์ที่ใช้ประสาทสัมผัสของแมลงในการตรวจหามะเร็งจากลมหายใจของคนไข้ได้

“ผมชอบแนวคิดในการใช้องค์ประกอบทางชีววิทยาและคิดหาวิธีการใช้พวกมันในการตรวจหาโรค” ซาฮา กล่าว

แต่ไม่ใช่แค่แมลงเท่านั้นที่สามารถช่วยได้

ในสหราชอาณาจักร องค์กรการกุศลชื่อ สุนัขตรวจจับทางการแพทย์ (Medical Detection Dogs) กำลังพยายามพัฒนาจมูกอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถดมกลิ่นหามะเร็งต่อมลูกหมากได้

“งานของเราเริ่มด้วยการตรวจสอบว่า สุนัขหามะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้หรือไม่ โดยจะพิจารณาจากความมีประสิทธิผลของสุนัขในการตรวจหามะเร็งชนิดนี้จากตัวอย่างที่เก็บมาจากปัสสาวะของผู้ป่วยมะเร็ง” โซฟี อาซิซ หัวหน้าแผนกวิจัยและการพัฒนาเชิงพาณิชย์กล่าวกับบีบีซี

องค์กรการกุศลนี้ฝึกสุนัขหลากหลายสายพันธุ์จำนวน 6 ตัวในปี 2004 และพบว่า มี ความแม่นยำในการตรวจหาโรคสูงกว่า โอกาสจากการสุ่มถึง 3 เท่า ต่อมาผลการศึกษาหลายแห่งได้ยืนยันว่า สุนัขสามารถดมกลิ่นหามะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้โดยมีความแม่นยำราว 90%

อีกการศึกษาหนึ่งได้แสดงให้เห็นว่า หมาสามารถสูดกลิ่นหามะเร็งรังไข่จากตัวอย่างเลือดของผู้เจ็บป่วยได้ด้วย หมาที่ได้รับการฝึกสามารถตรวจค้นโรคมะเร็งประเภทนี้ได้ 99% ของผู้ป่วย

ขั้นตอนต่อไปคือการนำงานวิจัยนี้ไปปรับปรุงจมูกอิเล็กทรอนิกส์ขึ้น แม้กระนั้นหัวข้อนี้มีความท้าทาย เพราะกลิ่นที่แตกต่างกันจำนวนมาก

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีหลายโรค กลิ่นอาจจะแตกกต่างกันขึ้นอยู่กับไมโครไบโอมของคนไข้เอง ซึ่งเป็นการตอบสนองของภูมิคุ้มกันของพวกเขาต่อโรค” อาซิซกล่าว

แต่เธอเชื่อว่า การวิจัยใหม่ในแมลงต่าง ๆ นี้อาจช่วยส่งเสริมการศึกษาอื่น ๆ ในการตรวจหามะเร็งได้

“ยิ่งเรารู้เกี่ยวกับอาณาจักรสัตว์มากก็ยิ่งดี ยิ่งมีการวิจัยจากกลุ่มต่าง ๆ เหมือนกับเรามากขึ้น หรือจากนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาวิธีการตรวจจับมะเร็งของมดมากขึ้น ก็ยิ่งดี ทั้งหมดนี้ต่างช่วยทำให้เห็นภาพที่ใหญ่ขึ้น” อาซิซกล่าว

ที่มา BBCThai

ข่าวแฉตำรวจไทย

งานเดียวไม่พอ ส่อง ‘อาชีพเสริม’ ของตำรวจไทยจากหน้าข่าว

แฉตำรวจไทย เศรษฐกิจถดถอย เงินเฟ้อ ข้าวแพง แรงงานถูก สภาพแบบนี้ใครๆ ก็มองหาอาชีพเสริมทั้งนั้น.. ไม่เว้นแม้แต่ตำรวจ

แต่ในช่วงที่ผ่านมา อาชีพเสริมของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แต่ละอย่างเรียกได้ว่า ‘ท็อปฟอร์ม’ อย่างยิ่ง ตั้งแต่ขับรถนำขบวน, รับต่อวีซ่าทุนจีน, รับไกลเกลี่ยคดีทุนจีน ซึ่งล้วนแต่เป็นการทุจริต ใช้อิทธิพลหน้าที่โดยมิชอบ แถมล่าสุดยังมีกรณีดาราไต้หวันที่อ้างว่าถูกตำรวจรีดไถอีก ทั้งหมดนี้เป็นการสร้างวัฒนธรรมที่เลวทรามและก็ตอกย้ำภาพลักษณ์ ‘ขโมยในเครื่องแบบ’ ให้แน่ชัดขึ้นในกลุ่มผู้รักษากฎหมาย

เราทดลองไล่ดูตามหน้าข่าวว่าในช่วงที่ผ่านมาตำรวจไทย รับจ็อบทำ ‘อาชีพเสริม’ อะไรบ้าง และแอบการันตีว่าแต่ละจ็อบเด็ดๆจนต้องเอาเท้าก่ายหน้าผากทั้งนั้น

แฉตำรวจไทย ดาราไต้หวัน

แฉตำรวจไทย ขับรถนำขบวน

กลายเป็นหลักสำคัญใหญ่ตั้งแต่ช่วงต้นอาทิตย์ที่ผ่านมาเมื่อแอคเคาท์ TikTok ชาวจีน @choudan0302 โพสต์คลิปว่าเธอทดลองซื้อบริการตำรวจไทย และเมื่อเธอมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิก็พบว่ามีชายคนหนึ่งตัดผมสั้นกุดถือกระดาษ A4 ที่มีชื่อเธอมารออยู่ด้านในของสนามบิน แล้วเดินนำทาง ถือกระเป๋า พาเธอลัดช่องด่านตรวจศุลกากร จนออกมาถึงข้างนอกท่าอากาศยาน เธอก็ได้พบกับตำรวจท่องเที่ยว 1-2 นาย ที่พาเธอขึ้นรถไปส่งถึงโรงแรมที่พัก โดยระหว่างทางทั้งยังรถที่เธอนั่งและก็จักรยานยนต์นำขบวนมีการเปิดสัญญาณไซเรนอยู่ตลอดเวลา ดังนี้ เธอระบุว่าค่าเดินทางนำขบวนมี 2 ราคา มอเตอร์ไซค์อยู่ที่ 6,000 บาท รถยนต์ 7,000 บาท

ฉาวยังไม่ทันไร เฟซบุ๊กเพจ ‘ลุยจีน’ ได้ออกมาโพสต์รีวิวการสั่งซื้อบริการ Thailand Fast Pass ผ่านแพลตฟอร์มเถาเป่า (Taobao) ซึ่งทางเพจสอนวิธีการดูข้อมูลพื้นฐานของบริการต่างๆในเว็บไซต์แห่งนี้ โดยบริการส่วนมากจะเป็นการพาผ่านด่าน กองตรวจคนเข้าเมือง ที่สนามบินแบบรวดเร็วทันใจ ไม่ต้องต่อแถว รวมทั้งยังมีบริการอื่น เช่น การใช้บริการรถยนต์นำขบวนจากตำรวจไทยเสมือนที่ปรากฎในข่าวอีกด้วย

นอกเหนือจากนี้ สำนักข่าว PPTV ยังได้เจาะเรื่องนี้ต่อเนื่องแล้วก็ได้คุยกับไกด์คนหนึ่งซึ่งระบุว่า บริการแบบนี้มีตั้งแต่ช่วงก่อนเชื้อไวรัส COVID-19 ระบาดแล้ว โดยจะแบ่งเป็น 2 ต้นแบบคือ บริการอำนวยความสะดวกในท่าอากาศยาน แล้วก็บริการรถยนต์นำขบวน ซึ่งสมัยก่อนจะจะต้องติดต่อผ่านไกด์คนประเทศไทย แต่เดี๋ยวนี้มีขายทั่วๆไปอีกทั้งในเว็บไซต์หรือซื้อผ่านเอเจนซี่ขายตั๋วเครื่องบินตั้งแต่ที่ประเทศจีน

ทางด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รับรองว่ากำลังติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง แล้วก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อสรุปในกรณีคลิปชาวจีนแล้ว ซึ่งจำเป็นต้องติดตามกันต่อไปว่า สตช. จะแก้ปัญหาใช้อำนาจหน้าที่เผื่อผลตอบแทนส่วนตนอย่างงี้ของพวกตนเองอย่างไรต่อ

รีดไถเงิน

ไม่กี่อาทิตย์หลังมีข่าวสารตำรวจรับนำขบวนติ๊กต๊อกเกอร์ชาวจีน ได้มีการเผยจาก อัน ยู๋ชิง หรือ ชาลีน อันดาราชาวไต้หวันว่า ในช่วงที่เธอมาท่องเที่ยวที่เมืองไทยเธอถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งด่านเรียกระหว่างนั่งบนแท็กซี่ ก่อนถูก ‘รีดไถเงิน 27,000 บาท’ ต่อมา ทางสำนักข่าว PPTV ได้ทักอินสตรามึงรมไปพูดคุยกับเธอ ก่อนได้ข้อมูลเพิ่มว่าเธอถูกเรียกตรวจบริเวณหน้าสถานทูตจีน หรือรัชดาซอย 3 อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวยังไม่สิ้นสุด และเป็นเพียงการกล่าวหาเท่านั้น ซึ่งในช่วงเวลานี้ทางตำรวจกำลังรีบตรวจสอบเรื่องดังกล่าว

แต่การรีดไถเงินไม่ได้มีเพียงแค่กรณีดังกล่าว ย้อนกลับไปวันที่ 10 มี.ค. 2565 มีข่าวสารว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ 2 ราย ตำรวจนครบาล 2 ราย พร้อมบุคคลอ้างตัวเป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์และพวก ได้ไปพบสามีภรรยาคู่หนึ่งที่บ้าน และขู่ให้คืนเงินที่ได้จากการเดิมพัน มิฉะนั้นจะพาตัวสามีไป ด้วยความกลัวเมียจึงยอมคืนเงิน 400,000 บาท พร้อมพระเลี่ยมทองอีก 1 องค์ มูลค่า 200,000 บาท ทั้งนี้ สามีภรรยายอมรับว่าตัวเองเล่นพนันจากเว็บออนไลน์แห่งหนึ่งจริงเมื่อปี 2564 โดยเล่นเป็นเวลา 2 เดือน ก่อนได้กำไรรวมเกือบ 2 ล้านบาท

แต่ประเด็นคือตำรวจไปขอเงินจากผู้เล่นพนันออนไลน์ได้ด้วยหรือ? จนในที่สุดวันท่ี 31 มีนาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กักคุมผู้ต้องหาทั้ง 4 คนในคดีดังกล่าว และในเบื้องต้นให้ออกจากราชการแล้ว โดยทางด้าน พล.ต.ท.แขนไชย ละม้าย ผบช.สอท. ระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ทั้ง 2 คนเป็นผู้จะรับผิดชอบคดีเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ ดังนั้น ก็เลยเป็นได้ว่าทั้งสองจะใช้ข้อมูลราชการสำหรับเพื่อการหาผลประโยชน์ส่วนตน ซึ่งถือว่าผิดร้ายแรง ดังนี้ ทางด้านผู้เสียหายจะถูกดำเนินคดีเหมือนกัน เพราะทำไม่ดีเล่นพนันออนไลน์

โถ..

แฉตำรวจไทย ผกก โจ้ โจ้ถุงดำ

แฉตำรวจไทย ออกวีซ่าและพาคนต่างด้าวเข้าประเทศ (ทุนจีนเทา)

หนึ่งในประเด็นที่ใหญ่และฉาวโฉ่ที่สุดของสังคมไทยสำหรับกรณีที่ ชูวิทย์ ใจวิศิษฏ์ออกมาแฉเรื่องทุนจีนเทา ซึ่งยิ่งขุดลึกยิ่งมองเห็นความสัมพันธ์สลับซับซ้อนระหว่ากลุ่มทุนต่างประเทศกับเหล่าผู้มีอำนาจในไทย

และเป็นอีกครั้งที่งานใหญ่แบบนี้ตำรวจไทยไม่พลาดมีส่วนร่วม โดยในวันที่ 12 เดือนธันวาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บุกค้นมูลนิธิครีเอทิง บาลานซ์ ก่อนพบว่าเป็นสถานที่รับเปลี่ยนประเภทวีซ่าจากประเภทท่องเที่ยว เป็นวีซ่าประเภท 5 ซึ่งจะทำให้อยู่ในประเทศได้ 1 ปี หลังต่อจากนั้น จะส่งพาสปอร์ตต่อไปยังภูมิภาคเพื่อลงตราวีซ่า โดยมีราคาที่จำเป็นต้องจ่ายทั้งหมด 30,000-50,000 บาท/ครั้ง และภายหลังการขยายผลตรวจหามูลนิธิลักษณะเดียวกัน และไต่สวนหัวหน้าสถานีกองตรวจคนเข้าเมือง (กองตรวจคนเข้าเมือง) จึงได้มีการออกหมายจับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 81 ราย โดยเป็นระดับผู้บัญชาการ กองตรวจคนเข้าเมือง ถึง 3 ราย เนื่องจากอำนวยความสะดวกให้กลุ่มจีนเทาเข้าประเทศ และอนุมัติต่อวีซ่าให้โดยใช้ชื่อของมูลนิธิ หรือโรงเรียนสอนภาษา

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุเพิ่มเติมอีกว่า ในบางพื้นที่เจ้าหน้าที่ ตม.มีฐานะเป็นประธานมูลนิธิบางแห่งเสียเอง ในตอนที่บางพื้นที่สถานที่ตั้งของมูลนิธีมีลักษณะคล้ายเล้าไก่ และยังพบการปลอมแปลงลายเซ็น ผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อรับรองการเปิดมูลนิธิอีกด้วย

ก็ว่าทำไมเข้าง่าย อยู่ง่าย เพราะว่ามีผู้รักษากฎหมายคอยดูแลให้นี่เอง

ตบทรัพย์แลกปล่อยตัว (ทุนจีนเทา)

กลิ่นยังคลุ้งไม่พอสำหรับกรณีทุนจีนเทา เนื่องจากจากกรณีช่วงวันที่ 22 ธ.ค. 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 และ DSI ได้บุกค้นบ้านพักหลังหนึ่งที่อ้างถึงว่าเป็นบ้านพักการันตีของกงศุลประเทศนาอูรู แต่ที่จริงเป็นสถานที่รับทำวีซ่าปลอมของกลุ่มชาวจีน โดยเมื่อเข้าค้นบ้านพักดังกล่าวก็ได้ตรวจเจอชาวจีน 11 รายซึ่งมีชื่ออยู่ในบัญชีแดงของทางการจีน และเงินสด 8 ล้านบาท แต่ท้ายสุด กลายเป็นว่าเจ้าหน้าที่สามารคุมตัวผู้ต้องหาได้เพียง 1 ราย และเงินสด 2.5 ล้านบาทเท่านั้น และมีรายงานต่อมาว่าชาวจีนที่เหลือหลบซ่อนออกนอกประเทศไปแล้ว

ต่อมาในวันที่ 28 ธ.ค. 2565 มีการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เจ้าหน้าที่ชุดที่เข้าตรวจค้นได้เจรจายอมปล่อยตัวชาวจีนเพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินรวมทั้งสิ้น 9.5 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีการถอดกล้องวงจรปิดและเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดในบ้านหลังดังกล่าวเพื่อทำลายหลักฐานอีกด้วย

ปัจจุบัน ได้มีการออกหมายจับเจ้าหน้าที่ DSI และตำรวจที่เกี่ยวโยงกับการค้นบ้านดังกล่าวแล้ว และมีคำสั่งย้าย ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดี DSI ไปทำหน้าที่ราชการที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และรักษาราชการแทนผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์

เป็นอันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยบางนายมองเห็นเงินแล้วตาพร่า จับไม่ถูก ปล่อยผู้ต้องหาหายตัวได้ซะงั้นเลย

แฉตำรวจไทย

พนักงานเก็บเงิน (ส่วย)

และนี่เรียกว่าเป็นอาชีพเสริมคลาสสิกของตำรวจไทย โดยช่วงวันที่ 7 เดือนกรกฎาคม 2565 เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นตำรวจท่องเที่ยว หลังจากเจ้าของสถานเริงรมย์หลายรายในอำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ร้องเรียนว่ามีเจ้าหน้าที่อ้างเป็นชุดปกครองเดินสายเก็บส่วนจากสถานเริงรมย์หลายที่ โดยผู้ต้องหาทั้งคู่จะอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลและโทรศัพท์หาสถานเริงรมย์เรียกเก็บเงินค่าดูแลทีแรก 5,000 บาท และเก็บเป็นจำนวน 3,000 – 4,000 บาททุกเดือน หากร้านใดไม่ยอมรับ จะมีการข่มขวัญว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าปิดร้านค้า

สุดท้าย เจ้าหน้าที่จับผู้กระทำผิดได้ 2 ราย พร้อมยึดเงินสดของกลางที่ทำสัญลักษณ์ไว้จำนวน 100,000 บาท โดยทั้งคู่อ้างว่าจะนำเงินไปให้กับ ‘นายแป๊ะ’ ซึ่งคาดว่าเป็นผู้มีอำนาจ

เบื้องต้น มีคำสั่งให้ตำรวจท่องเที่ยวคนดังกล่าวออกจากราชการแล้ว อย่างไรก็ตาม ภรรยาและญาติของผู้ต้องหาได้ยื่นประกันตัวทั้งคู่วงเงิน 1 ล้านบาท ก่อนที่ผู้ต้องหาทั้งคู่จะฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ว่าขืนใจใจให้เกิดความตกใจกลัว และบังคับให้ออกจากรถ โดยไม่บอกให้ทราบว่ากระทำผิดอะไร ข้อกล่าวหาใด จนได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย

เป็นไปได้ว่านี่ไม่ใช่กรณีเก็บส่วยที่เกิดขึ้นคราวแรกและที่เดียวในไทย แต่ขึ้นกับว่ามันจะเป็นข่าวหรือไม่เป็นข่าวเท่านั้น

‘เคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่, ได้โปรดกรุณากรุณาต่อประชาชน, อดทนต่อความเจ็บใจ, ไม่ไหวหวั่นกับความลำบากตรากตรำ, ไม่มักมากในลาภผล, มุ่งบำเพ็ญประโยชน์ต่อปวงชน, ดำรงตนในยุติธรรม, กระทำการด้วยวิญญา, รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต’ จากอุดมคติของตำรวจทั้ง 9 ข้อนี้ คุณว่าปัจจุบันตำรวจไทยทำได้กี่ข้อ

ที่มา TheMatter

เดอะลาสต์ออฟอัส เชื้อรา

The Last of Us: “เชื้อราซอมบี้” มีจริงไหม และจะเปลี่ยนมนุษย์เป็นผีดิบได้หรือไม่

เดอะลาสต์ออฟอัส (The Last of Us) ซีรีส์จากค่าย HBO ที่สร้างขึ้นมาจากวิดีโอเกมส์ชื่อดังกำลังเขย่าขวัญผู้ชมด้วยเรื่องราวสุดสยดสยองของเชื้อราที่แปลงมนุษย์ให้กลายเป็นซอมบี้

ตามเนื้อเรื่องระบุว่า เมื่อมนุษย์ได้รับสปอร์เชื้อราจำพวกนี้ไปสู่ร่างกาย เห็ดราก็จะเติบโตขึ้นแล้วเข้าควบคุมความนึกคิดจิตใจ จนถึงเจ้าของร่างสูญเสียการควบคุมตัว และก็ถูกออกคำสั่งให้ป่ายปีนขึ้นสู่ที่สูง

เชื้อราปรสิตจะกัดกินเหยื่อจากข้างใน เพื่อสกัดสารอาหารทั้งหมดจากร่างเหยื่อสำหรับเตรียมนำไปสู่ขั้นสุดท้าย

เจมส์ กาลาเฮอร์ ผู้ดำเนินรายการอินไซด์เฮลธ์ (Inside Health) ทางสถานีวิทยุบีบีซีเรดิโอโฟว์บรรยายว่า ฉากหนึ่งในเรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่าหนังสยองขวัญทั้งปวงก็คือ ภาพของแขนงที่ความตายที่แตกหน่อออกมาจากศีรษะเหยื่อผู้ถูกเชื้อราซอมบี้เข้าครอบครอง ซึ่งในเวลาต่อมา ร่างเหยื่อเหล่านี้จะแพร่สปอร์เชื้อรามรณะออกไปรอบตัว เพื่อมนุษย์ผู้อื่นติดเชื้อแล้วกลายสภาพเป็นซอมบี้เหมือนกัน

เดอะลาสต์ออฟอัส เชื้อราคอร์ดิเซปส์

กาลาเฮอร์บอกว่าแม้เนื้อเรื่องนี้จะเป็นเพียงนิยายสยองขวัญ แต่ก็มีเค้าโครงจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ

เชื้อราปรสิตที่ชื่อ คอร์ดิเซปส์ (Cordyceps) และโอฟิโอคอร์ดิเซปส์ (Ophiocordyceps) ได้รับสมญานามว่า “เชื้อราซอมบี้” เหตุเพราะสามารถควบคุมร่างกายของแมลงให้มีพฤติกรรมจากซอมบี้ได้ แล้วก็เซอร์ เดวิด แอตเทนบะระ ผู้ปฏิบัติธรรมชาติวิทยาชื่อดังคนประเทศอังกฤษก็เคยเสนอเรื่องราวนี้ไว้ในสารคดีชุดแพลนลานเน็ตเอิร์ธ (Planet Earth) ของสถานีวิทยุกระจายเสียงบีบีซีที่แสดงให้เห็นเชื้อราจำพวกนี้เข้าสั่งการและก็กัดกินมดตัวหนึ่ง

ภาพน่าตกตะลึงของ “มดซอมบี้” ในสารคดีชุดนี้ได้กลายเป็นแรงจูงใจสำหรับเพื่อการสร้างวิดีโอเกมยอดฮิต The Last of Us รวมทั้งซีรีส์ที่มีโครงเรื่องเดียวกัน

ทั้งยังในเกมรวมทั้งซีรีส์บอกเล่าเรื่องราวของเชื้อราคอร์ดิเซปส์ที่ข้ามขั้นจากการหาเหยื่อที่เป็นแมลงมาเป็นการเข้าครอบครองร่างของคนเรา จนถึงนำไปสู่การระบาดใหญ่ที่ทำลายล้างเชื้อสายมนุษย์

แต่ในโลกของความเป็นจริงมีความเป็นไปได้แค่ไหนที่จะเกิดการระบาดใหญ่ของเชื้อคอร์ดิเซปส์ หรือเชื้อเห็ดราชนิดอื่นๆ

ดร.นีล สโตน ผู้เชี่ยวชาญด้านเชื้อราจากโรงพยาบาลโรคเขตร้อนในกรุงลอนดอนให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่า “ผมคิดว่าพวกเราประเมินความเสี่ยงจากการติดเชื้อราต่ำเกินไป”

“พวกเรามีความคิดเช่นนี้มายาวนาน และไม่มีการเตรียมรับมือกับการระบาดใหญ่ของเชื้อราอย่างสิ้นเชิง” เขากล่าว

ช่วงปลายเดือน ตุลาคม 2022 องค์การอนามัยโลก (World Health Organization หรือ WHO) ได้ออกรายชื่อเชื้อราที่เป็นอันตรายต่อชีวิต

บัญชีดังกล่าวประกอบไปด้วยเชื้อราร้ายแรงหลายชนิด แม้กระนั้นไม่มีชื่อของเชื้อราคอร์ดิเซปส์ปรากฏอยู่ด้วย เหตุใดก็เลยเป็นเช่นนั้น

ดร.ชาริสซา เดอ เบกเกอร์ นักจุลชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยอูเทรคต์ ในเนเธอร์แลนด์ซึ่งศึกษาเรื่องที่เชื้อราคอร์ดิเซปส์เปลี่ยนมดให้มีพฤติกรรมราวกับซอมบี้ พูดว่าเธอไม่เห็นว่าสถานะการณ์ลักษณะนี้จะเกิดขึ้นกับมนุษย์ได้

เธออธิบายว่า “อุณหภูมิร่างกายของเราสูงเกินกว่าที่เชื้อราส่วนใหญ่จะสามารถเข้ามาอาศัยและเจริญเติบโตได้ ซึ่งนี่ก็เป็นกรณีเดียวกันสำหรับเชื้อราคอร์ดิเซปส์”

“ระบบประสาทของพวกมันไม่ซับซ้อนเท่าของคนเรา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายกว่าที่จะเข้าควบคุมสมองของแมลงเมื่อเทียบกับของมนุษย์ นอกจากนี้ระบบภูมิคุ้มกันของมันยังแตกต่างจากของพวกเรามาก” ดร. เดอ เบกเกอร์ กล่าว

นักจุลชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยอูเทรคต์ระบุว่า เชื้อราคอร์ดิเซปส์ส่วนใหญ่มีวิวัฒนาการในช่วงหลายล้านปีที่ผ่านมาให้แพร่เชื้อสู่แมลงได้อย่างเฉพาะเจาะจงเพียงชนิดพันธุ์เดียว เชื้อส่วนใหญ่จะไม่กระโดดข้ามจากแมลงชนิดหนึ่งไปสู่ชนิดอื่น

ดังนั้น ดร. เดอ เบกเกอร์ ชี้ว่า “การที่เชื้อราชนิดนี้จะแพร่จากแมลงชนิดหนึ่งมาทำให้มนุษย์ติดเชื้อได้นั้นจะเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่มาก”

เดอะลาสต์ออฟอัส

เดอะลาสต์ออฟอัส ภัยจากเชื้อราที่อันตรายกว่าคอร์ดิเซปส์

ดร.สโตน ผู้เชี่ยวชาญด้านเชื้อราจากโรงพยาบาลโรคเขตร้อนในกรุงลอนดอนเตือนว่า ภัยคุกคามจากเชื้อราเป็นสิ่งที่ผู้คนนิ่งเฉยมาเป็นเวลานาน

ถึงแม้ในบรรดาเชื้อราที่เจอบนโลกหลายล้านชนิดพันธุ์ จะมีเพียงไม่กี่ชนิดที่ก่อให้เกิดโรคร้ายได้ แต่เชื้อรากลุ่มเล็กๆเหล่านี้ก็บางทีอาจเป็นภัยคุกคามชีวิตผู้คน มีข้อมูลว่าในแต่ละปีมีคนตายจากเชื้อราก่อโรคราว 1.7 ล้านคน หรือประมาณ 3 เท่าของผู้ตายจากเชื้อโรคไข้มาลาเรีย

เชื้อราที่ WHO จัดให้เป็นเชื้อที่น่าวิตกอย่างยิ่งมีอยู่ด้วยกัน 19 ชนิด ซึ่งรวมถึงเชื้อราดื้อยา “แคนดิดา ออริส” (Candida auris) ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้และมีอันตรายถึงชีวิต รวมทั้งเชื้อราดำมรณะ “มิวคอร์ไมโคซิส” (mucormycosis) ที่กัดกินเนื้อเยื้อของเหยื่ออย่างรวดเร็วจนสร้างความเสียหายบนบริเวณใบหน้า

ดร.สโตน ระบุว่า เชื้อแคนดิดา ออริส เป็นชนิดที่จำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างยิ่ง เพราะแม้พวกเราได้รับเชื้อชนิดนี้เข้าสู่ร่างกาย เชื้อจะเข้าสู่กระแสเลือด ระบบประสาท และก็อวัยวะภายใน

WHO ประเมินว่า ราวครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อแคนดิดา ออริสจะได้รับอันตรายร้ายแรงจนเสียชีวิต

“มันเหมือนอสุรกายที่อุบัติขึ้นเมื่อ 15 ปีก่อน แต่ปัจจุบันพบได้ทั่วโลก” ดร.สโตนกล่าว

มีรายงานการตรวจเจอเชื้อแคนดิดา ออริสครั้งแรกในหูของผู้ป่วยที่โรงพยาบาลผู้สูงอายุมหานครเมืองโตเกียวในปี 2009

แคนดิดา ออริส สามารถทนทานต่อยาต้านเชื้อรา รวมทั้งบางชนิดพันธุ์ยังทนทานต่อยาทุกชนิดที่มีอยู่ในปัจจุบัน นี่จึงทำให้มันถูกจัดอยู่ในกลุ่มเชื้อดื้อยา

การติดเชื้อแคนดิดา ออริสมักเกิดขึ้นผ่านพื้นผิวในโรงพยาบาลที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ เชื้อสามารถเกาะติดที่สายสวนหลอดเลือดดำ แล้วก็ปลอกที่เอาไว้สำหรับใส่แขนวัดความดันโลหิต ซึ่งการกำจัดเชื้อทำเป็นยากมาก หลายครั้งโรงพยาบาลมักต้องปิดหอผู้ป่วยทั้งยังแผนก

มดติดเชื้อรา มดซอมบี้

เชื้อราอันตรายอีกชนิดคือ คริปโตค็อกคัส นิโอฟอร์แมนส์ (Cryptococcus neoformans)

ซึ่งสามารถเข้าสู่ระบบประสาทของมนุษย์รวมทั้งทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้

เอลลีรู้ดีถึงอันตรายของเชื้อราชนิดนี้เป็นอย่างดีตอนที่เธอกับ ซิด สามีไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่คอสตาริกา แล้วเอลลีก็ล้มป่วยจากการติดเชื้อคริปโตค็อกคัส

ในช่วงเวลานั้นเอลลีเริ่มจากมีลักษณะปวดศีรษะและอาเจียน จากนั้นก็เริ่มชักอย่างร้ายแรงจนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

ผลการสแกนพบว่าเอลลีมีอาการสมองบวม และผลของการตรวจรับรองว่าเธอติดเชื้อคริปโตค็อกคัส แต่เคราะห์ดีที่เอลลีสนองตอบการรักษาได้เป็นอย่างดี

“ฉันจำได้ว่าตัวเองกรีดร้อง” เอลลีเล่าถึงตอนที่ตัวเองเกิดอาการประสาทหลอน ปัจจุบันเธอหายป่วยแล้ว แต่ยอมรับว่าไม่เคยคิดมาก่อนว่าเชื้อราจะก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงถึงเพียงนี้

ส่วนเชื้อมิวคอร์ไมโคซิส ซึ่งได้รับฉายาว่า “เชื้อราดำมรณะ” ถือเป็นเชื้อฉวยโอกาสที่จะเข้าจู่โจมผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ

ดร.รีเบกกา กอร์ตัน จาก Health Services Laboratory หน่วยบริการด้านพยาธิวิทยาและการวินิจฉัยโรคในกรุงลอนดอน ระบุว่า เชื้อมิวคอร์ไมโคซิสเจอได้ยากในมนุษย์ ทว่าถ้าได้รับเชื้อก็จะเป็นอันตราย การติดเชื้อร้ายแรงมักมีผลต่อจมูก ดวงตา รวมทั้งสมอง

ในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 อินเดียมีรายงานเจอผู้ติดเชื้อมิวคอร์ไมโคซิสเป็นจำนวนมาก และก็มีผู้ตายที่เกี่ยวข้องกับเชื้อราชนิดนี้กว่า 4,000 คน

การติดเชื้อรามีความแตกต่างจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส มนุษย์มักติดเชื้อราจากสภาพแวดล้อม มากกว่าการรับเชื้อจากการไอหรือจาม

คนเรามักสัมผัสกับเชื้อราอยู่เป็นประจำ แต่เชื้อราจะทำให้พวกเราล้มป่วยได้ก็เมื่อร่างกายพวกเรามีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

ดร.สโตนกล่าวว่า การระบาดใหญ่ของเชื้อราอาจเกิดขึ้นในแบบอย่างที่แตกต่างจากการระบาดของโควิด ในแง่ของลักษณะการระบาดรวมทั้งผู้ติดเชื้อ

เขามีความรู้สึกว่ามีความเสี่ยงที่โลกจะเผชิญการระบาดใหญ่ของเชื้อรา เพราะเหตุว่าปัจจัยต่างๆอย่างเช่น การที่มีเชื้อราอยู่อย่างดาษดื่นในสภาพแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเดินทางระหว่างประเทศ ตลอดจนปริมาณผู้ติดเชื้อที่มากขึ้น รวมทั้งความละเลยในการรักษาผู้ติดเชื้อ

ถึงแม้เชื้อราจะไม่ทำให้มนุษย์กลายเป็นซอมบี้ แต่ก็อาจเป็นภัยคุกคามสาธารณสุขมากกว่าแค่ปัญหาเชื้อราตามเท้านักกีฬา

ที่มา BBCThai

MIT Technology Review

เทคโนโลย 2023 ที่สำคัญ จาก MIT Technology Review

ในทุกๆปี MIT Technology Review จะเลือกเอา 10 เทคโนโลยี 2023 ที่สำคัญที่สุดที่ปีมาอัปเดตให้กับพวกเราได้รู้ว่าเวลานี้โลกพัฒนาไปถึงไหนแล้ว มีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ ออกมาบ้าง หรือเทคโนโลยีใด ที่กำลังเป็นกระแส เนื่องด้วยความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยี ค่อนข้างที่จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ของพวกเรามากพอเหมาะสม

พวกเราจำเป็นที่จะต้องที่จะตามให้ทัน เพื่อดูว่ามีเทคโนโลยีใดบ้างที่เรา ใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ได้มากที่สุด หรือมีความเกี่ยวข้องจนกระทั่งจะต้องติดตามอย่างตลอด ซึ่ง MIT Technology Review ก็ได้ให้เหตุผลมาด้วยว่า เหตุใดเทคโนโลยีทั้งหมดนี้จึงสำคัญ

CRISPR ตัดต่อยีน เพื่อควบคุมคอเลสเตอรอล

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา CRISPR (คริสเปอร์) ซึ่งเป็น gene-editing tool ถูกพัฒนาอย่างรวดเร็ว จากห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์สู่สถานพยาบาล โดยเริ่มต้นมาจาก การใช้รักษาเชิงทดลองสำหรับข้อผิดพลาดปกติทางพันธุกรรมที่หายาก แต่ในเวลานี้ CRISPR เริ่มเป็นที่แพร่หลายสู่การทดลองทางคลินิก สำหรับสภาวะทั่วๆไป กระทั่งถูกประยุกต์ใช้รักษาโรค ที่พื้นฐานมากขึ้น เช่น การควบคุมภาวะคอเลสเตอรอลสูง รูปแบบใหม่ของ CRISPR กำลังดำเนินต่อไป

AI ที่สร้างรูปภาพขึ้นมา

ในปีที่ผ่านมา AI ได้รุกคืบเข้าสู่วงการศิลป์อย่างเต็มตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผลที่ตามมาก็คือเกิดดราม่าต่างๆนานา เกี่ยวกับผลงานศิลปะที่ AI สร้างขึ้น และที่ยืนของนักแสดงที่เป็นมนุษย์ แต่ปีนี้จะเป็นอีกปี ของศิลปิน AI ซึ่งเป็นโมเดลซอฟต์แวร์ ที่พัฒนาโดย Google, OpenAI และบริษัทอื่นๆ สำหรับในการสร้างงานศิลป์สุดน่าทึ่งตามคำสั่งเพียงไม่กี่คำสั่ง พูดง่ายๆก็คือ เพียงคุณพิมพ์คำอธิบายสั้นๆว่า ต้องการรูปภาพแบบไหน คุณจะได้รูปภาพตามที่คุณขอ ภายในเวลาไม่กี่วินาที ทำให้ “จะไม่มีอะไรเหมือนอีกต่อไป”

การออกแบบชิป (chip) ที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งอย่าง

เพราะเหตุว่าอุตสาหกรรมชิปกำลังมีความเคลื่อนไหวอย่างมาก จากที่ผ่านมา ผู้สร้างจึงควรซื้อลิขสิทธิ์สำหรับเพื่อการผลิตไมโครชิป จากบริษัทขนาดใหญ่เพียงไม่กี่เจ้า แต่ในเวลานี้มี open standard ตัวใหม่ที่ชื่อว่า RISC-V เข้ามาทำให้วงการ ออกแบบชิปแปรไป ซึ่งทำให้ผู้สร้างไม่ต้องพึ่ง chip designers ที่มีแค่ไม่กี่เจ้า ในตลาดอีกต่อไป ทุกคนสร้างชิปได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะมีบริษัท startup เป็นปริมาณมากที่กำลังตรวจสอบความเป็นไปได้สำหรับการสร้างชิปขึ้นมาเอง

โดรนที่ใช้ทางการทหารในตลาดทั่วไป

เดิมที โดรนทางการทหารที่กองทัพใช้นั้นเป็นสิ่งที่ประเทศเล็กๆไม่สามารถเข้าถึงได้ ด้วยเหตุว่ามีราคาแพง และกฎหมายควบคุมการส่งออก ที่ครัดเคร่ง แต่ความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารที่พัฒนาขึ้นมา ทำให้หลายบริษัท สามารถสร้างโดรนรบที่มีความสลับซับซ้อนได้ในราคาที่ถูกลงมามาก อย่าง Bayraktar TB2 ของตุรเคีย และโดรนราคาถูกอื่นๆ ได้เปลี่ยนธรรมชาติ ของการรบโดรนเสียแล้ว

 

รถ EV ที่มาแรง
เทรนด์ เทคโนโลยี มาแรงปี2023

การจ่ายยาทำแท้ง ผ่านระบบแพทย์ระยะไกล (telemedicine)

เนื่องจากว่าศาลสูงสุดสหรัฐฯได้วินิจฉัยว่า เมืองต่างๆ สามารถบัญญัติกฎหมายต่อต้านการทำแท้งได้ เมื่อเดือนมิถุนายน 2022 ทำให้การทำแท้ง ไม่ใช่สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ในอเมริกาอีกต่อไป หลายรัฐในอเมริกาแบนสถานพยาบาลทำแท้ง ผู้หญิงปริมาณมาก ไม่สามารถเข้าถึงการทำแท้งได้ ผู้ที่ต้องการทำแท้งจึงจำเป็นต้อง “หาแพทย์” ผ่านวิดีโอคอล ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผู้ให้บริการด้านสุขภาพ และบริษัท startup ก็เลยหันมาใช้ telehealth เพื่อสั่งจ่ายยาและจัดส่งยาข้ามรัฐเพื่อช่วยทำให้ผู้คนทำแท้ง ได้อย่างปลอดภัยที่บ้าน

อวัยวะตามสั่ง

ในแต่ละวัน จะมีผู้ป่วยเฉลี่ย 17 คนในสหรัฐฯท่จำเป็นต้องเสียชีวิตลงะหว่างรอคอยการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ เนื่องด้วยไม่มีอวัยวะให้เปลี่ยน แต่คนพวกนี้บางครั้งอาจจะรอด รวมทั้งคนอื่นๆก็จะได้รับความให้การช่วยเหลือจากเทคโนโลยีตอนนี้ ที่ทำให้มีอวัยวะที่แข็งแรงคอยให้เปลี่ยน ซึ่งมันอาจมีอยู่อย่าง ไม่จำกัดด้วย ด้วยเหตุว่านักวิทยาศาสตร์ สามารถปลูกถ่ายอวัยวะจากหมูที่ได้รับการตัดต่อพันธุกรรม รวมถึงการสร้างปอดด้วย 3D-printing โดยใช้เซลล์ของคนไข้เองเป็นหมึกพิมพ์

รถ EV ที่มาแรงจนขวางไม่ได้

ในที่สุด รถยนต์พลังงานไฟฟ้าก็กลายเป็นตัวเลือกให้กับโลกใบนี้เสียที ทุกๆวันนี้ รถ EV ได้รับความชื่นชอบแพร่หลาย มากขึ้น เพราะเหตุว่าแบตเตอรี่รถมีราคาที่ถูกลง และรัฐบาลในหลายประเทศ ได้ผ่านกฎการปล่อยมลภาวะ บัญญัติกฎหมายที่เอาจริงเอาจังขึ้น ในเรื่องของการควบคุมรถที่ใช้น้ำมัน ส่วนผู้สร้างรถยนต์รายใหญ่หลายรายก็ได้ออกมาให้คำมั่น ประกาศออกสื่อว่าจะมุ่งผลิตรถยนต์กระแสไฟฟ้าทั้งหมด และในไม่ช้านี้ คนซื้อทุกหนทุกแห่ง ก็จะมีเหตุผลในด้านดีๆมากมาย สำหรับในการเลือกซื้อรถยนต์กำลังไฟฟ้ามากกว่าที่จะปฏิเสธ

 

เทคโนโลยี 2023 สำคัญ
เทคโนโลยี 2023 ใช้ในการศึกษาค้นคว้า

กล้องโทรทรรศน์อวกาศ James Webb

กล้องส่องทางไกลอวกาศ James Webb ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อสืบทอดภารกิจของกล้องโทรทรรศน์อวกาศ Hubble สำหรับการเดินทางตรวจสอบเอกภพ มันถูกส่งออกไปถ่ายภาพในอวกาศเมื่อท้ายปี 2021 อย่างไรก็ดี ภาพจักรวาลอันไกลมากที่ถ่ายได้โดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศตัวนี้นั้นน่าทึ่งตกตะลึงมาก และมันก็ส่งภาพรูปแบบนี้กลับมายังโลกมากมาย เปลี่ยนเป็นว่ากล้องส่องทางไกลอวกาศ ที่ทรงอำนาจที่สุดในโลก ตัวนี้ทำให้การศึกษาและทำการค้นพบใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทันใจพอๆ กับที่นักวิทยาศาสตร์สามารถวิเคราะห์ข้อมูล ที่ได้จากภาพมากมายนั้น นี่คือการเริ่มต้นศักราชใหม่ ของวงการดาราศาสตร์

การวิเคราะห์ DNA ยุคดึกดำบรรรพ์

แต่ก่อน การจะหาลำดับจีโนม จะต้องมีกระดูกหรือฟันของคนในสมัยนั้น แต่ตอนนี้ มีอุปกรณ์หาลำดับจีโนมสมัยใหม่ที่ละเอียดมากพอ ที่จะวิเคราะห์ และช่วยให้เราอ่าน DNA ของคนเราที่โบราณมากๆได้ โดยใช้เพียงตัวอย่างเป็นดินที่มนุษย์สมัยดึกดำบรรพ์เคยปัสสาวะใส่ ทำให้การศึกษาร่องรอย ของมนุษย์ที่เคยอาศัยอยู่เมื่อนานมาแล้ว ทำได้ง่ายขึ้น เปิดเผยให้โลกมีความคิดเห็นว่าพวกเขาใคร และเหตุใดโลกยุคนั้นจึงเป็นแบบนั้น นอกเหนือจากนั้นยังช่วยทำให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจชีวิตของมนุษย์ทั่วๆไปที่มีชีวิตอยู่ในยุคนั้น ไม่ใช่แค่ชีวิตของผู้คนที่สามารถจ่ายเงิน ค่าฝังศพอย่างละเอียดลออได้แค่นั้น

รีไซเคิลแบตเตอรี่

เมื่อรถ EV มีจำนวนมากขึ้น ทำให้ความต้องการแบตเตอรี่ ก็มากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้หลายบริษัทกำลังสร้างโรงงาน ที่จะนำแบตเตอรี่เก่ามา รีไซเคิล เรียกคืนลิเธียม นิกเกิล และโคบอลต์ หลังจากนั้นก็ป้อนโลหะกลุ่มนี้กลับไปยังผู้สร้างแบตเตอรี่ lithium-ion รีไซเคิลมีความหมายในทางของการตัดวงจรการทิ้งแบตเตอรี่ ในจำนวนที่มากขึ้นเรื่อยๆ แบตเตอรี่จึงควรไม่จบลงที่การฝังกลบ เพราะเหตุว่ามันอาจเป็นแหล่งโลหะที่จำเป็นอย่างมาก ในการจ่ายพลังงานให้กับรถ EV ในอนาคต แนวทางแบบนี้จะก่อให้เงินลงทุนแบตเตอรี่ถูกลงกว่าเดิม อีกทั้งยังลดขยะอันตรายลงได้อีกด้วย

อดีตพระพระมหาไพรวัลย์

แพรรี่ ฟาดครูบาคนดังซ้อนเจ็ตสกี ลั่น เรื่องคาวๆ เน่าเหม็น ไม่ควรอยู่ในวงการผ้าเหลือง

แพรรี่ ไพรวัลย์ ฟาดครูบาคนดังภาพหลุดซ้อนเจ็ตสกี เรื่องคาวๆ เน่าเหม็น ไม่ควรอยู่ในวงการผ้าเหลือง ถามเป็นครูบาแบบสุกตามธรรมชาติ หรือบ่มแก๊ส

หลังจาก “แพรรี่ ไพรวัลย์” โพสต์แซ่บปลุกสังคมพุทธ ฟาดกรณีที่ครูบาชื่อดังมีภาพหลุดเล่นเจ็ตสกี เล่นน้ำตก ซึ่งเห็นว่าในทางสงฆ์ถือว่าไม่เหมาะสม ล่าสุดมีโอกาสได้เจอแพรี่ ได้เปิดใจถึงเรื่องราวดังกล่าวให้ฟังว่า

“รู้สึกแรงมากค่ะ ประทุภูเขาไฟ ขยันปะทุมากเลย ให้ชาวบ้านมีเรื่องติฉินนินทาตลอด หนูไม่ได้พอใจที่วงการสงฆ์เป็นแบบนี้ ในฐานะที่หนูเคยเป็นคนในวงการ หนูก็อยากเห็นรุ่นน้องในวงการในเวลานี้ มีภาพลักษณ์ที่ดี คนศรัทธาคนชื่นชอบ นับถือพระ นับถือศาสนาเพิ่มมากขึ้น หนูอยากเห็นมุมนั้นมากกว่า คาวๆ เป็นเรื่องของฆราวาสไหมคะ เรื่องคาวๆ เหม็นๆ เน่าๆ ไม่สมควรเป็นเรื่องของคนในวงการผ้าเหลือง”

เคสล่าสุดเราแสดงความเห็นดุเดือดเช่นกัน ?

“ก็หนูเห็นว่า มันไม่จบซักทีหนึ่ง เริ่มมีภาพหลุดเรื่อยๆ ตัวพระเอง ท่านก็เหมือนไม่ได้เป็นทองรู้ร้อนอะไร ไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่ท่านทำ คือความเสียหาย ท่านจะแสดงความรับผิดชอบยังไง คณะสงฆ์จะมีแนวทางอย่างไร เพราะว่าก็มีการโยนว่า ให้เป็นเรื่องของศาล ให้ศาลตัดสินมีความผิดถูกอย่างไร ทั้งๆ ที่บางภาพไม่มีความจำเป็นที่ต้องรอศาลมีคำพิพากษา ภาพไม่เหมาะสม ยกตัวอย่างเช่น ภาพขี่เจ็ตสกีควรจะมีแนวทางได้แล้ว แล้วตัวพระที่มีพฤติกรรมอย่างงั้น กลับมาบอกไม่ใช่เรื่องเสียหายไม่ผิด แบบนี้ก็ไม่ได้แหละ เราต้องแสดงความคิดเห็นในมุมของเรา ในฐานะที่เราออกมา และก็มองว่ามันเป็นเรื่องเสียหาย

หนูมองว่า ครูบาไก่ไม่ใช่เณรภาคฤดูร้อน หากครูไก่เป็นเณร เป็นเด็กไปบวช แล้วพอใกล้สึก พระอาจารย์พาไปเที่ยวทะเล หนูยังพอรับได้ เนื่องจากเข้าใจว่ายังเด็ก อย่างข่าวล่าสุด เณรเล่นบอลมีคนถ่ายภาพ มันก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง แต่ว่าเคสครูบาไก่ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเขามีข่าวเยอะ และก็สื่อเคยเอาข่าวเขามาลง มาสร้างภาพลักษณ์ สร้างความศรัทธา ไปขุดพระเก่า ไปปราบช้างที่ตกมัน หลายเรื่องหนูคิดว่าตกลงครูบาไก่เป็นพระแบบไหน หากไม่มีภาพหลุดหนูคงเข้าใจ บางคนบอกครูบาไก่เป็นพระอรหันต์ ลูกศิษย์อวย หูทิพย์ ตาทิพย์รู้ได้เลย ที่ดินตรงไหนมีพระฝังอยู่ เจ้าของที่จะหายเจ็บไข้ได้ป่วย หากไม่มีภาพลับ คนจะเชื่อว่าเป็นอย่างงั้น แต่พอมีภาพลับขี่เจ็ตสกีออกมา ทำให้หนูตั้งคำถามเป็นของแท้ หรือของปลอม ตกลงครูบาไก่เป็นครูบาแท้ หรือครูบาปลอม เป็นครูบาแบบสุกตามธรรมชาติ หรือสุกแบบบ่มแก๊ส”

ไพรวัลย์ วรรณบุตร

ภาพเล่นน้ำตกบอกว่าเล่นกับหลานจริงๆ ควรไหม ?

“(หัวเราะ) ฆราวาสเล่นน้ำ ยังไม่แก้ผ้าอย่างงั้นเลย เข้าใจประเด็นน้ำตกไม่ได้เสียหายมาก แต่ภาพที่นั่งซ้อนท้ายขี่เจ็ตสกี อันนั้นเกินไปแล้ว”

ตามกฎของสงฆ์ เวลาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ลงโทษอย่างไร ?

“มันก็แล้วแต่ของใครของมัน ซึ่งครูบาไก่สังกัดธรรรมยุติ พระธรรรมยุติต้องออกมาให้คำอธิบาย ครูบาไก่จะต้องไปสอบเรียกว่าสอบอธิกร ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทำจริงไหม เพราะอะไรถึงไปทำ การทำอย่างงี้ทำให้คณะสงฆ์เสียหาย ตัวท่านเสียหายไหม ภาพที่ท่านบอก เป็นครูบาเป็นอาจารย์ มีลูกศิษย์ลูกหาทั่วประเทศ แต่หนูยังไม่เห็นเขาทำอะไรแบบเป็นเรื่องเป็นราว แล้วครูบาไก่ยังอาศัยอยู่วัด ยังออกมาให้สัมภาษณ์สื่อ เหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น หนูคิดว่าไม่ได้รู้สึกรู้สาเกินไป”

รู้สึกละเหี่ยใจไหม ?

“หนูไม่ได้รู้สึกละเหี่ยใจ เนื่องจากหนูไม่ได้เป็นลูกศิษย์เขา ไม่ได้รู้สึกละเหี่ยใจ หรือผิดหวังอะไร เนื่องจากหนูไม่ใช่ศิษย์ครูบาไก่ แต่ว่าหนูเห็นแก่ศาสนาโดยรวม เนื่องจากถ้าหากเราไม่ตั้งคำถาม และเรายังมองพระในมุมหนึ่งว่า ใครที่บวชเข้าไปแล้วก็ใส่จีวร ก็เป็นคนศักดิ์สิทธิ์ไปหมด เป็นพระโพธิสัตว์ เราก็จะโดนหลอกกันอย่างนี้ไปอยู่เรื่อย หนูไม่อยากให้มีฆราวาสด้วยกัน หรือพระคนอื่นที่ไม่ใช่เป็นของแท้จริงๆ หลอก อยากให้ตั้งคำถามว่า พฤติกรรมเหล่านี้ที่เกิดขึ้น มันย้อนแย้งกันแค่ไหน ซึ่งบางคนก็ยังมองว่า มันคือมารผจญ ถ้าเป็นพระดีขอให้ผ่านเรื่องนี้ไป แล้วภาพออกมากลายเป็นมารศาสนา เราก็ออกมาค้าน ต่อให้มันจะมีผลประโยชน์กันหรือไม่มี ภาพก็คือภาพจริง จะบอกว่าเขามุ่งร้ายต่อศาสนา เราว่ามันไม่ได้”

ท่านออกมาบอกว่า มันเป็นการจัดฉาก?

“จัดฉากยังไงคะ ไปเล่นเจ็ตสกี ถ้าท่านดีจริง ใครจะทำร้ายท่านได้ ต่อหน้าท่านเป็นครูบาไก่ ปฏิบัติงดงามอย่างไร แต่เบื้องหลังท่านเป็นอย่างงั้น ใครจะไปแอบถ่ายได้ มันเป็นเพราะเบื้องหน้า และเบื้องหลังท่าน ไม่ใช่เป็นแบบเดียวกันไง เขาถึงถ่ายได้ ท่านเซ็ตตัวมี 2 เวอร์ชั่น ต่อหน้าฆราวาส ญาติโยมก็เวอร์ชั่นหนึ่ง กับลูกศิษย์ที่รู้เบื้องหลังก็อีกเวอร์ชั่นหนึ่ง ถึงมีภาพหลุด ภาพลักษณ์อย่างนี้ออกมา”

อดีตพระพระมหาไพรวัลย์

พอมีดราม่าวงการสงฆ์ คนก็จะมาถาม แพรรี่ ตลอด?

“หนูก็หนีไม่ได้ ไม่ได้จะพูดด้วยซ้ำนะ มีคนแท็กก็รู้สึกว่ามันหนีความรับผิดชอบไม่ได้ แต่ที่มาพูดไม่ได้จงใจจะไปโจมตีพระรูปใดรูปหนึ่ง แต่หนูเห็นว่ามันเป็นเรื่องส่วนรวม ในเวลานี้หนูยังนับถือศาสนาพุทธอยู่ ก็เป็นหนึ่งในพุทธบริษัท หนูไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่เอาเงินไปให้พระ เอาของไปถวายแล้วจบ แต่หนูหน้าที่ วิพากษ์วิจารณ์ด้วย ในกรณีที่พระทำตัวไม่เหมาะสม ซึ่งชาวพุทธส่วนหนึ่ง ไม่ทำหน้าที่นี้ คือทำหน้าที่แค่ในฐานะทายกและทายิกาอย่างเดียว แต่ไม่ทำหน้าที่ วิพากษ์วิจารณ์ ติติงบางเรื่องที่พระทำตัวไม่ดี ทำตัวไม่เหมาะสม มันเป็นสิ่งที่เราทำได้นะ เพราะเราทำด้วยความหวังดี ไม่ได้หวังประทุษร้ายใคร”

คำว่าครูบาจะต้องบวชกี่พรรษา?

“ธรรมเนียมแต่ละที่มันไม่เหมือนกัน ปกติคำว่าครูบาเขาไม่ค่อยใช้กับพระหนุ่ม เขาจะใช้กับพระมหาเถระ ที่บวชมีพรรษาเยอะๆ 20-30 พรรษา แล้วในชุมชนหนึ่งจะมีแต่รูปเดียว ที่เป็นครูบาน่าศรัทธา ยกย่อง ภาษาอีสานไม่ค่อยได้ยินเขาใช้คำว่าครูบานะ ส่วนมากได้ยินคำว่ายาคู พอได้ 10 พรรษา เขาจะยกย่องกัน ปัญหาก็คือพระเดี๋ยวนี้คือยังไม่แก่เต็มที่ ก็อยากจะเป็นครูบา”

“หนูทำคนเดียวไม่ได้ แต่ในช่วงเวลานี้พระในสังคมค่อนข้างเข้มแข็ง พอดูกรณีพระคาดผม พอคนจำได้ว่ามีคดีเรื่องสีกา สังคมตั้งคำถามเลย เอามาโพสต์ มาแชร์ ชวนให้คิด พอภาคสังคมเข้มแข็ง ก็อยู่ไม่ได้ ถ้าหากชาวพุทธเข้มแข็งช่วยกันเป็นหูเป็นตา พระยังไงก็อยู่ไม่ได้หรอก ถ้าเกิดไม่ดีจริง ต้องจัดการ ถ้าหากจะเพิกเฉย ก็เดือดร้อน เจ้าอาวาสก็โดนปลดไปด้วยเลย ถ้าเกิดถึงขนาดมีสีกาไม่สวมเสื้อผ้าในกุฏิก็ชัดเจน”

กลัวว่าคนจะไม่ศรัทธา?

“ศรัทธามาก ไม่ได้หมายความว่าคนศรัทธาพระแล้วมันดีงาม ขณะนี้คนไปศรัทธาพระไม่ได้ด้วยคำสอน การปฏิบัติพระจริงๆ แต่ว่าศรัทธาที่ความศักดิ์สิทธิ์ ที่ภาพลักษณ์ที่ถูกเซ็ตขึ้น ยกตัวอย่างเช่น มีสตอรี่ ทำวัตถุมงคล แล้วก็แข่งกันสร้างที่ได้เงินมาแบบไม่ถูกต้อง เงินมันมีสองอย่าง ได้มาแบบถูกต้องสุจริตกับได้มาโดยการหลอกลวงฆราวาส แล้วก็เอามาสร้าง เสริมสร้างบารมีให้ตนเอง”

กลัวไหมออกมาพูดแบบนี้?

“ก็หนูพูดแบบตรงไปตรงมา ไม่ได้พูดแบบมีผลประโยชน์ไง หนูไม่ได้เป็นลูกศิษย์เขา ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่เคยมีเรื่องให้รู้สึกว่า ต้องการจะไปโจมตี อย่างหากเคยมีเรื่องกับครูบาไก่มาก่อนก็ว่าไปอย่าง”

ยิงกราดตรุษจีน ยิงกราดแอลเอ

กราดยิงตรุษจีน : ตำรวจสหรัฐฯ เผยผู้ก่อเหตุกราดยิงใกล้แอลเอยิงตัวตายแล้ว หลังสังหารเหยื่อ 10 คน

ยิงกราดตรุษจีน สื่อท้องถิ่น ใน สหรัฐอเมริกา หลายสำนัก รวมทั้ง ซีบีเอสนิวส์ พันธมิตร ของ บีบีซี รายงาน ตรงกัน โดย อ้าง แหล่งข่าว จาก หน่วยงาน บังคับ ใช้ กฎหมาย ระดับ ท้องถิ่น ของ ลอสแอนเจลิส ว่า มือปืนกราดยิง ได้ ยิงตัวตาย ภายใน รถตู้สีขาว ซึ่ง เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ล้อมจับ เมื่อ ไม่กี่ชั่วโมงก่อน

เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานว่า ผู้ก่อเหตุเป็นชายชาวเอเชีย วัย 72 ปี

เหตุกราดยิงเกิดขึ้นเมื่อเวลาโดยประมาณ 22.20 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันเสาร์ที่ 21 ม.ค. (หรือโดยประมาณ 13.20 น. ของวันอาทิตย์ที่ 22 ม.ค. ตามเวลาของไทย) ที่ห้องเต้นรำในเมืองมอนเทอเรย์พาร์ก รัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ มีรายงานคนตาย 10 คน แล้วก็มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอีก 10 คน ขณะที่ผู้คนหลายพันคนได้มารวมตัวกันเพื่อร่วมเทศกาลตรุษจีนเมืองมอนเทอเรย์พาร์ก

ในเวลาต่อมา ข้าราชการอาวุธครบเข้าปิดล้อมและตรวจค้นรถตู้สีขาวคันหนึ่งในเมืองทอร์แรนซ์ แคลิฟอร์เนียเป็นเวลากว่า 12 ชั่วโมง หลังเรื่องยิงตอนวันที่ 21 ม.ค. ตามเวลาท้องถิ่น

ปฏิกิริยาจากผู้นำรัฐบาล

นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา ให้ ความเห็น ต่อเหตุ เรื่องเศร้าดังกล่าวก่อนกล่าวรายงานเกี่ยวกับสิทธิวิธีการทำแท้งในรัฐฟลอริดาว่า ความร้ายแรงจากการใช้ปืนแบบไร้สติต้องยุติได้แล้ว

“ทั้งที่อยู่ในห้วงเวลาที่การเฉลิมฉลองทางจารีตประเพณี เพียงแค่ก็ยังส่งผลให้อีกชุมชนจำต้องแตกออกเป็นเสี่ยงๆเพียงเพราะเหตุว่าความร้ายแรงที่เกิดจากการใช้ปืนแบบไร้สติ” เธอกล่าวพร้อมด้วยเรียกร้องให้คนที่กำลังรอคอยฟังสุนทรพจน์ รวมถึงสามีของเธอ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนรวมทั้งสตรีลำดับที่หนึ่งด้วยกันไว้อาลัยแก่คนที่สูญเสียชีวิตในเหตุกราดยิงคราวนี้

ทั้งนี้ นางแฮร์ริสเคยเป็นสมาชิก วุฒิสภา ประจำ รัฐแคลิฟอร์เนีย ก่อนที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี

ยิงกราดตรุษจีน แอลเอ

ยิงกราดตรุษจีน ยังไม่ทราบเหตุจูงใจในการก่อเหตุ

สื่อในสหรัฐฯ กล่าวว่าพบศพชายคนหนึ่งอยู่ในรถ แต่คลุมเครือว่าชายผู้นี้เกี่ยวพันกับเหตุกราดยิงเมื่อเวลาราวๆ 22.20 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันเสาร์ที่ 21 เดือนมกราคม (หรือราว 13.20 น. ของวันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม ตามเวลาของประเทศไทย) หรือไม่

ร.อ.แอนดรูว์ เมเยอร์ บอกว่า หน่วยงาน ฉุกเฉิน ได้ มา ถึง จุดเกิดเหตุ รวมทั้งพบว่า ผู้ร่วมงาน ได้ พา กัน ออกมา จาก ที่จัดงาน รวมทั้ง กรีดร้อง

ต่อจากนั้นข้าราชการได้รับรองว่า มีคนเสียชีวิต 10 คน

มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 10 คน และได้รับการนำส่งโรงหมอในพื้นที่แล้ว โดยไม่ได้มีลักษณะร้ายแรง

เจ้าหน้าที่สอบสวนระบุว่า ยังไม่เจอแรงบันดาลใจที่กระจ่างแจ้ง รวมทั้งยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่า เหตุนี้เป็นอาชญากรรมที่เกิดจากการเกลียดชิงชังหรือไม่

ยิงกราดตรุษจีน

พวกเขายืนยันว่า ได้มีการยกเลิกกิจกรรมต่างๆในช่วงเทศกาลตรุษจีนในวันอาทิตย์แล้ว

ร.อ. เมเยอร์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ทางตำรวจทราบถึงเรื่องที่เกิดในเมืองอัลแฮมบรา ที่อยู่ทางด้านเหนือของเมืองมอนเทอเรย์พาร์กแล้ว แต่ยังไม่ได้เจาะจงรายละเอียดต่างๆนอกเหนือจากนี้

“เรามีเจ้าหน้าที่ไปยังจุดเกิดเหตุและกำลังพยายามตรวจสอบว่า สองเหตุการณ์นี้มีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่” เขากล่าว

ซีบีเอส นิวส์ กล่าวว่า ไม่มีคนได้รับบาดเจ็บในเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองอัลแฮมบรา แต่ตำรวจยังคงอยู่ที่จุดเกิดเหตุ

คลิปวิดีโอทางโซเชียลเน็ตเวิร์คเปิดเผยให้เห็นตำรวจจำนวนมากในเมืองนี้ ซึ่งอยู่ห่างจากนครลอสแอนเจลิสไปทางตะวันออกราว 13 กม.

ผู้รู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งกล่าวกับลอสแอนเจลิส ไทม์ส (Los Angeles Times) ว่า มีคน 3 คน วิ่งเข้าไปในห้องอาหารของเขา และบอกเขาให้ล็อกประตู ขณะที่มีชายที่มีปืนกลคนหนึ่งอยู่ในพื้นที่

“ดูเหมือนว่า มันจะเกิดเหตุที่โรงเรียนสอนเต้นที่อยู่ใกล้เคียงแห่งหนึ่ง ซึ่งมือปืนคนหนึ่งได้เข้าไปพร้อมกับสิ่งที่ผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่า เป็นปืนกล ปืนอัตโนมัติ ซึ่งได้ยิงปืนเข้าใส่ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียเป็นส่วนใหญ่หลายนัด” จอง พาร์ก ผู้สื่อข่าวของลอส แอนเจลิส ไทม์ส กล่าวกับ บีบีซี

ผู้เห็นเหตุการณ์บอกกับเขาว่า หลังจากนั้นไม่กี่นาที มีคนหนีขึ้นรถยนต์คันหนึ่ง

หลายคนที่มาร่วมเทศกาลนี้ กล่าวว่า พวกเขาได้ยินเสียงที่ดูเหมือนจะเป็นเสียงพลุ

“จากนั้น ผมก็รู้ว่า นั่นไม่ใช่ดอกไม้ไฟ ตอนที่ผมได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์อยู่ข้างบน เพราะเราไม่เคยมีเฮลิคอปเตอร์มาแถวนี้” ชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า กาเบรียล กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์

ตรุษจีนซึ่งเป็นงานที่มีเป็นประจำทุกปีของเมืองมอนเทอเรย์พาร์ก จัดขึ้นเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และที่ผ่านมาเคยมีคนเดินทางมาร่วมงานมากกว่า 100,000 คน

การเฉลิมฉลองในคืนวันเสาร์ มีกำหนดยุติลงที่เวลา 21.00 น. ตรงเวลาท้องถิ่น

เมืองมอนเทอเรย์พาร์ก มีประชากรราว 60,000 คน และมีชุมชนชาวเอเชียอาศัยอยู่จำนวนมาก

แอนนา เสือ ช็อกที่ตุ๊บ

“แอนนา เสือ” ช็อกที่ตุ๊บ! เหมือนคนอกหัก อยากเข้าผับปลดปล่อย!

“แอนนา เสือ” ยอมรับหูดับไม่เข้ารอบ 16 คน มิสยูนิเวิร์ส 2022 ช็อกที่ตุ๊บ เหมือนคนอกหักชวดมงฯ แต่ว่าฟื้นตัวเร็วจากความผิดหวัง ลั่นอยากปลดปล่อยความรู้สึก เครียดมาเยอะ อยากเข้าผับ

หลังจากที่ทักทายแฟนคลับที่มาต้อนรับอุ่นหนาฝาคั่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ “แอนนา เสืองามเอี่ยม” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022 ก็ได้ออกมาเปิดใจแบบเต็มๆ กับสื่อมวลชน โดยเปิดเผยว่าการประกวดบนเวที มิสยูนิเวิร์ส 2022 ตนทำเต็มที่ที่สุดแล้ว แต่ว่าก็ยอมรับว่าช็อกที่ตุ๊บ เหมือนคนอกหัก

“กลับมาก็ตื่นเต้นค่ะ ตื่นเต้นตลอดทางเลย เพราะว่าไม่ได้อยู่ไทยเกือบจะเดือนแล้วค่ะ ก็ได้ข่าวมาว่าจะมีคนมารอต้อนรับเยอะมาก ก็เลยตื่นเต้นเป็นธรรมดาค่ะ แต่ว่าวันนี้พอมาถึงก็มีความสุขมาก เนื่องจากว่าทุกคนก็รอต้อนรับอย่างอบอุ่น พอเครื่องลงจอดรีบเข้าห้องน้ำก่อนเลยค่ะ แต่ว่าก็สนุกทุกอย่าง ขึ้นเครื่องมาก็ตื่นเต้นค่ะ พอมาถึงก็แฮปปี้ ก็ไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้ เนื่องจากผลงานที่ผ่านมาแม้ว่ามันจะผิดพลาด ผิดหวังกันไปบ้าง แต่อย่างน้อยทุกคนก็เห็นว่าแอนนาเต็มที่ มารับกันเยอะขนาดนี้แอนนาก็ซึ้งใจมากๆ

ก็รู้ว่ากำลังใจที่ประเทศไทยเยอะมากๆ รู้มาตลอดเลยค่ะ ก็ได้อ่านฟีดแบ็กอยู่ค่ะ โดยเฉพาะวันสุดท้ายทุกคนก็เสียใจไปพร้อมกัน ร้องไห้ไปพร้อมกันค่ะ เดี๋ยวนี้แอนนาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ก็อยากให้ทุกคนดีขึ้นไปพร้อมกัน และเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เข้ามาพร้อมกันค่ะ”

เผยวินาทีไม่เข้ารอบ 16 คนสุดท้าย ถึงกับหูดับ
“(หัวเราะ) ฉันงงมาก หูดับมาก พอๆ กับตอนจับมือเลย แต่ก็ไม่เป็นไร ผู้หญิงทุกคนที่ไปประกวดทุกคนมีความสามารถหมด แต่ว่าตำแหน่งมันมีเพียงแค่ตำแหน่งเดียวค่ะ ถามว่าใจแป้วไหม ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ว่าก็อึ้งนิดนึง พอไปหลังเวทีก็อ้าว ฉันไม่ได้รางวัลเลย (หัวเราะ) แต่ว่าก็ได้รางวัลนึงมา ก็ถือเป็นเรื่องราวดีๆ แล้วกัน ก็จะสนับสนุนสิ่งดีๆ ต่อไป

เหมือนคนอกหักที่ชวดมง
“ตอนนั้นก็ควบคุมสติยากมากค่ะ มันเหมือนคนอกหักไปแล้ว ก็แอบมีน้ำตานิดนึง ใครอยากให้งานแสดงละครก็ติดต่อได้นะคะ (หัวเราะ) ไม่หรอก ในตอนนั้นแอนนาก็พยายามแล้ว แต่ทุกอย่างมันก็ต้องเป็นไปตามสถานการณ์ต่อไป เดอะโชว์มัสโกออนค่ะ ก็ต้องทำอย่างเต็มที่ หลังเวทีก็คุยกับเพื่อนๆ เกือบทุกประเทศเลยค่ะ ทุกคนก็เข้ามากอดกัน ทุกคนก็คาดหวัง พอผิดหวังทุกคนก็เสียใจเหมือนๆ เรา ก็กอดกัน ให้กำลังใจกันปกติค่ะ”

ประทับใจได้เพื่อนใหม่จากทั่วทั้งโลก
“หนูประทับใจตั้งแต่วันแรกเลย หาได้ที่ไหนการที่เราจะได้เจอเพื่อนๆ จากหลายประเทศทั่วโลก เราประทับใจทุกกิจกรรม การที่ได้คุยกัน มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ก็นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่มากค่ะ เนื่องจากอย่างที่เคยพูดไปแล้วตั้งแต่แรกเลยว่าการประกวดครั้งนี้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร แต่ว่าแอนนาจะทำให้เต็มที่ ถึงจะเสียใจ แต่ว่าจะไม่เสียดายเลย ซึ่งมันเป็นอย่างงั้นจริงๆ”

แอนนา เสืองามเอี่ยม

แอนนา เสือ รับเพื่อนๆ นางงามช็อกที่ตนตุ๊บ ไม่เข้ารอบ 16 คน ซึ่งตนก็ช็อกเช่นเดียวกัน

“ก็ช็อกเยอะอยู่ แอนนาก็ช็อกเช่นกัน เพื่อนๆ หลายคนก็คิดว่าเราน่าจะได้เข้า 16 เหมือนกันค่ะ แต่ก็ได้คุยกันค่ะอย่างเวียดนามหรือกับประเทศลาว ก็ไม่เป็นไรค่ะ อย่างน้อยก็ได้แสดงศักยภาพให้ทุกคนเห็นค่ะ เราก็มีถามในใจค่ะว่าพลาดตรงไหน แต่ว่าสำหรับแอนนาคิดว่าก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาทำดีที่สุดแล้ว เรามีความสุขในทุกๆ กิจกรรมเลยค่ะ เรามีความสุข เราแฮปปี้ เรารู้สึกประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะการเดิน เต้นออกมาจากรถ เราเอ็นเตอร์เทนคนได้ ก็คิดว่าประสบความสำเร็จในส่วนของเราแล้วค่ะ”

ตอนออกมาจากห้องดำ ตอนออกมาแอนนากอดล่าม กอดทุกคนเลย แอนนาไม่ได้เสียใจที่กอดนะ แต่ว่าดีใจที่แอนนามีสติ อันนี้ส่วนตัวคิดว่าคนเรามีรสนิยมและคะแนนตัดสินแตกต่างกัน แต่แอนนาเต็มที่แล้วจริงๆ วันนั้นกรรมการ ก็ให้ความสนใจแอนนาเยอะมากนะคะ คือทุกคนจะมีเวลาเท่ากันคือ 2 รอบ แอนนาก็พยายาม ตอบให้ตรงประเด็นมากที่สุด และทุกอย่างที่ถามมาก็เกี่ยวกับเราหมด เขาก็ถามเรื่องของ การดำเนินชีวิตในวัด ที่ได้จากการอยู่วัด และก็เรื่องของแคมเปญ เรื่องของดอกบัว เรื่องของแอนนาเดอะไทเกอร์มาได้อย่างไร คือคำถามเยอะมากนะคะ ก็พยายามจัดการเวลาได้ดีมากสำหรับตัวแอนนา แล้วก็เรากับล่ามก็มีการฝึกซ้อมกันนิดหน่อย เข้าห้องก็ทำงานกันได้เยอะมากเลย”

ฟื้นตัวเร็วจากความเสียใจ ด้วยเหตุว่าน่าจดจำมากกว่า
“ไม่เลย ก็โมเมนต์นั้นแหละที่เสียใจ แต่ก็รู้สึกฟื้นตัวเร็วมาก เพราะว่ามันมีอะไรให้น่าจดจำมากกว่านั้น ก็อย่างที่บอกว่าประมาณ 10 กว่าวันที่เก็บตัวมีความสุขทุกวัน แม้ว่าจะเสียใจ แต่แอนนามีความสุขทุกวัน มันมีโมเมนต์ที่ย้อนกลับไปคิดแล้วเรายิ้มตามไปกับมันได้

ถามว่าเราได้เตรียมคำตอบไว้บ้างหรือเปล่า ถ้าเกิดวันนั้นเราได้เข้าไปตอบคำถามรอบสุดท้าย ในขณะนั้นหูอื้อแล้วค่ะ (หัวเราะ) ไม่ได้เก็งอะไรเลย แต่ที่คิดไว้ว่าถ้าเกิดมีโอกาสได้ไปตอบคำถามก็คงจะตอบคำถามแบบจริงที่สุด เนื่องจากว่าแอนนาก็เทรนจนนาทีจริงๆ เทรนเดิน เทรนตอบคำถามนาทีสุดท้าย เพราะว่าอยากให้มันไปถึงจริงๆ

เราได้ประสบการณ์เยอะมากเลย แอนนารู้สึกว่าตนเองโตขึ้นมาก แค่การที่ได้ไปอยู่ในการเก็บตัว แอนนารู้สึกว่าโตขึ้นตั้งแต่ได้รับมงกุฎมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ได้เจอเหตุการณ์ดรามามากมาย เราทำงานได้เก่งขึ้น เรานิ่งขึ้น เราเจอผู้ใหญ่หลายท่านที่เข้ามาปกป้อง คือสอนให้เราได้โตขึ้น เป็นประสบการณ์ ที่หาไม่ได้ในชีวิตเลยค่ะ ถามว่าเราเชียร์ใครบ้างไหม จริงๆ ทุกคนสามารถได้รับมงกุฎได้หมดเลยนะ ก็คือมันเกินคาดจริงๆ แต่แอนนาก็เชียร์ทุกคนเลย ก็คือท็อป 5 หรือท็อป 16 ทุกคนที่เข้าไปคือมีความสามารถหมดเลย”

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022

ภูมิใจคนพูดถึงชุดราตรีแรงบันดาลใจจากฝากระป๋องสร้างเป็นของล้ำค่า

“สวยไหม แรงบันดาลใจก็อย่างที่บอกค่ะว่า ฝากระป๋องปกติเราจะไม่ค่อยเห็นค่าเท่าไร ก็คือทิ้งขว้างไปเลย แต่ว่าถ้าหากเรามองดีๆ ทุกอย่างมันมีมูลค่า อยู่ที่ว่าเราจะเอามาประดิษฐ์หรือออกแบบยังไงค่ะ หากเรารู้จักคิดถึง สิ่งที่ดีของมัน แล้วเอามาประดิดประดอยหน่อย ก็จะเป็นของที่ล้ำค่าค่ะ ส่วนที่คิดจะใส่ชุดนี้ ในรอบไฟนอลอีกครั้ง ก็คิดกันไว้แล้วด้วยค่ะ ก็อยากจะให้ทุกคนได้ติดตาม และส่งแมสเสจนั้น ให้ทุกคนได้รู้ว่า ไม่ว่าเราจะเกิดมาจากที่ไหน แต่ก็ขึ้นมาเดินตามความฝันได้ สวยงามได้ค่ะ

ชุดที่เตรียมไปยังใส่ไม่ครบเลย โกรธมาก (หัวเราะ) แต่ว่ามีโอกาสได้ใส่อยู่แล้วค่ะ เพราะเหตุว่าพี่ๆ ดีไซเนอร์ทุกคนตั้งใจทำให้ ก็อยากจะเก็บไว้ใส่ในงานสำคัญๆ ค่ะ”

อย่างน้อยคนเห็นถึงความพยายาม ตำแหน่งอยู่ไม่นาน แต่ตำนานจะอยู่ตลอดไป
“รู้สึกว่าอย่างน้อยทุกคนก็ได้เห็นถึงความพยายามของเรา ได้เห็นเรื่องราวของเรา อย่างน้อยก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลกได้ ก็ดีใจมากๆ ค่ะ สื่อต่างชาติเอาไปลงก็เห็นค่ะ ทุกคนภูมิใจมาก (หัวเราะ)”

ดีใจมีงานรอแล้ว
“ก็คงจะทำงานไปก่อนค่ะ มีงานรอแล้วค่ะ ก็คือทำงาน ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เงินที่ได้มาก็เอาไปสานต่อหลายโครงกาที่มองไว้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการเกี่ยวกับการศึกษา ที่แอนนามีโอกาสไปหาน้องๆ ก่อนไปประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์เลย น้องๆ ทุกคนก็รอการแบ่งปันนะคะ แล้วก็อยากจะช่วยเหลือทุกโครงการเกี่ยวกับการศึกษาและปัญหาสังคมด้วยค่ะ”

อยู่เมกามูสุด แต่ว่าไม่อยากพูดถึงแล้ว อยากเข้าผับปลดปล่อย เครียดมาเยอะ
“สุดๆ (หัวเราะ) แต่อย่าพูดถึงเลยค่ะ ผ่านไปแล้วค่ะ เวลานี้อยากไปหาคุณพ่อคุณแม่ แต่นอกจากนี้อยากไปท่าช้าง(ผับ) ค่ะ (หัวเราะ) ไปปลดปล่อยนิดหน่อย เนื่องจากเราเครียดมาเยอะแล้ว แม่ก็ให้ลูกไปพักผ่อนบ้าง (หัวเราะ) ถ้าใครเจอก็มาเต้นด้วยกันได้นะคะ เพราะเราเจอเรื่องกดดัน เรื่องเครียดมาเยอะแล้ว ก็ถือว่าตอนนี้สิ้นสุดกับเส้นทางยูนิเวิร์สแล้วค่ะ ก็ถือว่าแอนนาได้ปลดปล่อย เป็นตัวของตัวเอง และทำหน้าที่อื่นๆ ให้ดีที่สุดค่ะ

ก็อยากบอกกับตนเองว่าเก่งมากแล้วค่ะ ไม่เสียแรงที่ไม่เคยยอมแพ้จริงๆ เก่งมากๆ แล้วก็คิดว่า ยังจะต้องโตขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และก็จะมีเส้นทางใหม่ๆ ให้เธอเสมอ และจะเป็นกำลังใจให้เธอทุกอย่างค่ะ แล้วก็อยากจะส่งพลังไปให้ทุกคนเลยนะคะ แอนนาเชื่อว่า ทุกคนก็จะมีเส้นทางเป็นของตนเอง และก็กำลังสู้อยู่ ในเรื่องราวของตัวเอง ก็อยากจะบอกว่า ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนเลย แอนนารู้ว่า การสู้เพื่อเส้นทางตัวเอง มันเหนื่อยขนาดไหน แต่อยากบอกว่า อย่ายอมแพ้ค่ะ สู้ต่อไป แม้ว่าวันนี้แอนนา จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่แอนนารู้สึกภูมิใจในตัวเอง เราล้มได้ แต่มันเป็นประสบการณ์ ที่ยิ่งใหญ่ที่ต่อไปภายภาคหน้าของแอนนาได้เรียนรู้มากขึ้น และประสบความสำเร็จ ในเส้นทางอื่นมากขึ้น อยากเป็นกำลังใจ ให้ทุกคนเข้มแข็งนะคะ”

ดีเจมะตูม จับมิจฉาชีพ

วินาทีเดือด ‘ดีเจมะตูม’ จับมิจฉาชีพ อ้างชื่อหลอกคนลงทุนหลายสิบล้าน

รวมพลจับโจร ‘ดีเจมะตูม’ จัดฉาก นัดหมาย วาวา มิจฉาชีพมาเจอที่ร้าน ก่อนให้ตำรวจรวบ พร้อมซักถามชุดใหญ่ ปมหลอกลวงคนอื่นมาลงทุน โดยอ้างว่าสนิทกัน ทำนักลงทุนที่เกี่ยวข้อง เสียหายร่วมสิบล้าน เผยวีรกรรมสุดแสบ มีคดีติดตัวมากมาย ถึงขั้นต้องใส่กำไลอีเอ็ม

เมื่อตอนเที่ยงของวันที่ 16 มกราคม 2566 ได้มีการรายงานข่าว ผ่านรายการ เที่ยงวันทันเหตุการณ์ เปิดเผยเรื่องราวสุดช็อค ของมิจฉาชีพสาวชื่อ วาวา อ้างสนิทกับ ดีเจมะตูม เตชินท์ พลอยเพชร แถมทำงานด้านธุรกิจดัง ถอนเงินครั้งละ 600 ล้านบาท ก่อนหลอกผู้อื่นให้ลงทุนซื้อทอง แล้วก็นาฬิกาหรู

เรื่องราวของ วาวา มิจฉาชีพสาว ที่หลอกผู้อื่นให้ลงทุน โดยอ้างชื่อดีเจมะตูม ได้ถูกตำรวจรวบตัวได้ เพราะหนึ่งในผู้เสียหายรายใหญ่อย่าง ‘ก้ง’ ได้ติดต่อเข้าพบ กับดีเจมะตูม เนื่องจากสงสัยว่าตัวเองโดนหลอกเงินไปกว่า 7.4 ล้านบาท

เตชินท์ พลอยเพชร

ก้งได้เดินทางไปเจอมะตูมแล้วเล่าให้ดีเจมะตูมฟังว่า

ตนรู้จักกับผู้หญิง ที่ชื่อวาวา จากร้านแห่งหนึ่ง ย่านทองหล่อ โดยได้พูดคุยกันหลายเรื่อง จนวาวาอ้างตัวว่า สนิทกับดีเจมะตูมมาได้ 4- 5 ปีแล้ว แถมตนยังเป็นคนช่วยช่วงมะตูมล้ม พร้อมเปิดภาพหลักฐาน ที่ถ่ายคู่กันให้ดู ก่อนจะแยกย้ายกันไป

แต่ต่อจากนั้นไม่นาน วาวาก็ได้ติดต่อเข้าไปหาก้ง เพื่อขอซื้อสินค้า ที่ก้งขายอยู่ทางออนไลน์จำนวน 2 หมื่นกล่อง อ้างว่าจะนำไปให้พนักงาน หารายได้เสริม จนมีการนัดพบกัน ซึ่งวาวาเสนอให้ทั้งคู่เจอกันที่ธนาคารแห่งหนึ่ง เนื่องจากต้องการถอนเงิน 600 ล้านบาท โดยมีการแสดงให้เห็นถึงทรัพย์สิน ป้ายวีไอพี และก็ความหรูหรา

ทั้งนี้ วาวายังอ้างอีกว่า ตัวเองมีธุรกิจหลายอย่าง อาทิเช่น อาร์เคกรุ๊ป ไทยแลนด์จำกัด และ เดอะวันชิปปิ้งจำกัด บริษัทส่งออกสินค้า ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ แถมยังเป็นดีลเลอร์คอลลาเจนรายใหญ่ และก็มีธุรกิจซื้อขายทองคำด้วย

สำหรับกลยุทธ์ ในการหลอกให้ลงทุน วาวาได้บอกกับก้งว่า ตนลงทุนในทองคำ โดยสามารถเจรจา ซื้อทองได้ที่บาทละ 25,000 บาท ซึ่งถูกกว่าราคาตลาดมาก แต่ว่าจะต้องซื้อครั้งละ 1,000 กิโลกรัม ทำให้ต้องมี ผู้ร่วมลงทุนหลายคน หนึ่งในนั้นคือ ดีเจมะตูม ที่ร่วมลงทุนด้วย

ทำให้คุณก้ง ที่เป็นผู้เสียหายหลงเชื่อ ตัดสินใจลงทุนร่วมหุ้นซื้อทองคำไปน้ำหนัก 250 บาท คิดเป็นจำนวนเงินราว 6.25 ล้านบาท แต่เมื่อจ่ายเงินแล้วยังไม่ได้รับทองคำ เพราะว่าวาวาอ้างว่า ยังอยู่ในระบบออนไลน์ ก่อนที่จะขอให้ก้งซื้อนาฬิกาหรูอีกจาก 2 แบรนด์ดัง (ทราบภายหลังว่าปลอม) และก็แผ่นป้ายประมูลรถยนต์

ในการมอบเงิน วาวาจะนัดก้งไปพบที่สถานที่ราชการทุกครั้ง ทำให้มีทั้งตำรวจแล้วก็เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

หลังจากนั้นก้งได้เกิดความสงสัยขึ้น จึงติดต่อกับทีมข่าวและก็ดีเจมะตูม ทำให้ได้ทราบว่า ดีเจมะตูมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยดีเจมะตูมเล่าว่า วาวาเคยมาเที่ยว ที่ร้านของมะตูม แล้วก็ถ่ายรูปคู่ไปด้วย ก่อนจะติดต่อมะตูม เพื่ออ้างจะให้ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้า

แถมยังเคยมีท่าที จะลงทุนธุรกิจใหญ่ โดยอ้างกับดีเจมะตูมว่า ต้องการซื้อที่ดินเลียบทางด่วนรามอินทรา 90 ล้าน โดยให้เลขาเป็นตัวกลาง ก่อนจะเปิดเงินโชว์จำนวนกว่า 600 ล้านบาท แล้วแสร้งโอนเงิน 1 ล้าน ให้เลขามะตูมไปจัดการจองเรื่องที่ แต่ทว่าไม่นานก็ขอคืนเพราะเหตุว่าเปลี่ยนใจอยากซื้อที่อื่นแทน

ด้านมะตูมเมื่อเห็นท่าที ของหญิงสาวที่ชื่อวาวา ก็รู้สึกแปลกใจ จึงได้ตัดสินใจค้นหาข้อมูล พบว่าเคยมีประวัติฉ้อโกง แล้วก็มีคดีติดตัวหลายอย่าง จึงได้ตัดสินใจตีตัวออกห่าง แต่ไม่คิดว่าจะโดนนำชื่อไปแอบอ้าง เพื่อหลอกลวงผู้อื่น

ส่วนในเรื่องการจัดฉากรวบตัวมิจฉาชีพ ได้มีการร่วมมือกันระหว่างก้ง ดีเจมะตูม และก็เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยดีเจมะตูมได้ทำทีติดต่อไปหาวาวา เนื่องจากอ้างว่าจะลงทุน ทำให้วาวาเดินทางมาที่ร้าน ก่อนจะให้ตำรวจเข้ารวบตัว โดยมีก้งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย

ในระหว่างการรวบตัว ได้มีการบันทึกภาพแล้วก็เสียงสนทนาระหว่างดีเจมะตูมและวาวาไว้ โดยมะตูมพยายามถามวาวา ว่า พูดแอบอ้างจริงหรือไม่ และก็ได้เอาโทรศัพท์ของวาวาไป ซึ่งมีก้งคอยชี้หน้าด่าอยู่ไม่ไกล

dj matoom

นอกจากนี้ ดีเจมะตูม ยังได้มีการถลกขากางเกงของวาวา ก่อนพบว่าสาวมิจฉาชีพยังคงใส่กำไลอีเอ็ม

ซึ่งเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวของผู้ที่ได้รับการพักโทษชั่วคราว ทำให้ทราบว่า วาวายังคงมีคดีที่ติดตัวอยู่เช่นกัน

ภายหลังจากที่มีการรวบรวมมิจฉาชีพวาวาได้แล้ว ดีเจมะตูม ก็ได้ออกมาอัปเดตผ่านไอจีว่า

“สำหรับกรณีคลิปใน tiktok ที่มีการเผยแพร่อย่างแพร่หลาย ในการจับกุมมิจฉาชีพในร้าน นัวร์เนีย bar อารีย์ (ร้านของมะตูมเอง) ก่อนอื่นมะตูมต้องขอกราบขออภัยในการใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ และการทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้น ทางมะตูมยินดีให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ พร้อมให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ขอยืนยันตรงนี้ก่อนครับว่า มะตูมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ มิจฉาชีพ(ผู้หญิงในคลิป) มะตูมเพียงแค่ถูกมิจฉาชีพเท่านนี้แอบอ้างชื่อ เพื่อไปหลอกเงินคนอื่นมาลงทุน และถ้ามีผู้เสียหายจากการเอาชื่อมะตูมไปแอบอ้างในการทำธุรกิจเพิ่มเติม รบกวนติดต่อมะตูมด่วนเลยนะครับ

สำหรับพี่ๆ นักข่าวที่โทรมาสอบถาม มะตูมขอปรึกษาทนายและฝ่ายกฎหมายก่อนที่จะออกมาตอบสื่อเพื่อไม่ให้เสียรูปคดีครับ ขออภัยในความไม่สะดวกจริงๆ ครับ

สุดท้าย ความจริงคือความจริง มะตูมขอยืนยันในความบริสุทธิ์ของตัวเอง และจะยืนเคียงข้างผู้เสียหายเพื่อตามเงินคืนให้ได้มากที่สุดครับ ดีเจ มะตูม”

จิ๊บ คีตภัทร อันติมานนท์

"จิ๊บ คีตภัทร" ขอเคลียร์ ปมคลิปฉาว ยันไม่ใช่ตัวเอง ฟ้องแน่ ทำเสียหาย

นักแสดงสาวยุค 90 “จิ๊บ คีตภัทร อันติมานนท์” โพสต์ IG ชี้แจงเรื่องข่าวหลุด ที่หลายคนเดาว่าเป็นตนเอง ยันไม่ใช่ เพราะเหตุว่ามาหาครอบครัว ที่สหรัฐฯ ลั่นดำเนินดคีแน่นอน ฐานทำให้ตนเกิดความเสียหาย ยันไม่ใช่ นางเอก จ. ถูกปล่อยคลิปลับ เจอเรียกเงิน 4 แสน จ่อเอาผิด คนกุข่าวมั่ว ทำเสียหาย เพื่อรักษาสิทธิ และความถูกต้องให้ถึงที่สุด

เป็นประเด็นร้อน สั่นสะเทือนวงการบันเทิง ภายหลังที่ผู้ใช้แอปพลิเคชั่น TikTok รายหนึ่ง ได้ออกมากล่าวอ้าง เผยข้อความว่า “มีข่าวหลุด!! อดีตนางเอกดังช่องหลายสี แอบไปซื้อหนุ่มนอกวงการกิน แล้วโดนหนุ่มอัดคลิป แบล็กเมล์ เรียกเงิน 4 แสน ล่าสุดมีคลิปหลุดออกมา เร็ว ๆ นี้ เจ้าตัวจัดเตรียมแถลงข่าวแน่ๆ” ต่อมา ก็ได้โพสต์อีกว่า

“โดนแล้ว! อดีตนางเอกดัง ช่องหลายสี ชื่อย่อ จ. เข้าแจ้งความเอาผิดชายหนุ่มนอกวงการ หลังขายคลิปตนเอง ที่กำลังมีอะไรกัน ให้กลุ่มลับ กลุ่มหนึ่ง ในราคา 4 แสนบาท ซึ่งความยาวคลิปเต็ม 21 นาที มองเห็นหน้าตัวเองชัดเจน เลยทำให้เกิดความเสียหาย เจ้าตัวลั่น ไม่ยอมความ พร้อมเอาเรื่อง ให้ถึงที่สุด” จนกระทั่งก่อให้เกิด การคาดเดากันไปต่าง ๆ นานา ว่าอดีตนางเอก จ. ช่องหลากสี นั้นคือใครกันแน่ ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็มีชื่อของ “จิ๊บ – คีตภัทร อันติมานนท์” ดาราหนังสาว ยุค 90 ผุดขึ้นมา ว่าใช่หรือไม่ใช่

จิ๊บ คีตภัทร โพสต์ IG ชี้แจง

ล่าสุด วันนี้ (13 เดือนมกราคม 2566) “จิ๊บ” ได้ออกมาอธิบายประเด็น ที่ถูกโยง ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว

ยืนยันว่า ไม่ใช่คนในข่าวอย่างแน่นอน พร้อมจะฟ้องร้องคดีตามกฎหมาย กับผู้ที่ทำให้เจ้าตัว และ ครอบครัว ได้รับความเสียหาย โดยบอกว่า

“ขออนุญาตชี้แจงข่าวที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้นะคะ ว่าไม่ใช่จิ๊บแน่นอนค่ะ

จากข่าวที่มีการใช้ชื่อหรือเจตนาใช้ภาพจิ๊บซึ่งทำให้ เกิดความเข้าใจผิดและเสียหายต่อตัวจิ๊บ ครอบครัว และแฟนเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่เป็นความจริง ไม่ได้เกิดเรื่องและไม่ได้มีการไปแจ้งความดำเนินคดีใดๆ อย่างในข่าว จิ๊บมาหาครอบครัวที่อเมริกาเป็นเวลา 3 เดือนแล้วค่ะ

อยากขอให้ทุกคนใช้วิจารณญาณในการเสพข่าวส่วนผู้ที่ทำให้จิ๊บและครอบครัวได้รับความเสียหาย จะขอดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อรักษาสิทธิ และความถูกต้องให้ถึงที่สุด ขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่ส่งเข้ามานะคะ”

พร้อมเขียนแคปชั่นใต้โพสต์ด้วยว่า “ขออนุญาตชี้เเจงข่าวที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้นะคะ ว่าไม่ใช่จิ๊บเเน่นอนค่ะ”

โดยมีแฟนๆ ต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็น แล้วก็ ส่งกำลังใจ ให้สาวจิ๊บ อย่างล้นหลาม มากมาย

ทำเอาโลกออนไลน์ร้อนแรงอย่างมาก หลังที่ผ่านมา มีข่าวลือแรง ว่ามีอดีตนางเอก จ. ช่องหลากสี ถูกขู่ ปล่อยคลิปลับ คลิปฉาว เรียกเงิน 4 แสนบาท ซึ่งหลายคนก็เดาไปเรื่อย รวมทั้ง ในที่สุดหลายๆคนมาพุ่งเป้า ที่อดีตนางเอกชื่อดัง จิ๊บ-คีตภัทร อันติมานนท์ ที่ถูกโยงว่า เป็นคนในคลิปฉาว ทำเอาเธอเสื่อมเสียชื่อเสียงขึ้นมาทันที

จิ๊บ คีตภัทร

เปิดประวัติ “จิ๊บ คีตภัทร” สาวสวยฝีมือดี ที่คนอยากรู้จัก ให้มากขึ้น

ความคืบหน้าล่าสุด ในโลกออนไลน์ มีผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยถามมาจำนวนมาก ว่าสาวจิ๊บ ประวัติมีอะไรอย่างไรบ้าง บ้างก็พูดว่าสวยเด่น อยากทราบงานก่อนหน้าที่ผ่านมา จะได้ไปดูย้อนหลัง งานนี้เราเลยไม่พลาด มาอัพเดทให้แล้วจ้า…

คีตภัทร อันติมานนท์ ชื่อเล่น จิ๊บ เกิดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2527 เป็นนักแสดงในสังกัดดาราวิดีโอและสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 จิ๊บเป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ เป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัวอันติมานนท์ จิ๊บเป็นนักแสดงสาวชาวไทย ซึ่งเป็นน้องสาวของนักแสดงชายคือ จิม-เจจินตัย แวนดิว นั่นเอง…

โดยจิ๊บเริ่มเข้าสู่วงการสายบันเทิงไทยเป็นนักแสดงมีผลงานเรื่องแรกเช่น กว่าจะรู้เดียงสา แสดงคู่กับ วี-วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ เป็นที่รู้จักในบทบาท แว่นทิพย์ ซึ่งเป็นนางเอกในละครหลังข่าวเรื่องแรกเมื่อในปี 2543 และละครเรื่อง เจ้าสัวน้อย และผลงานที่แสดงคู่กับ วี-วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ อีกหนึ่งเรื่องละครเรื่อง ลูกหลง ทำให้คีตภัทรเป็นนักแสดงที่รู้จักกันและมีชื่อเสียงในยุคนั้น ต่อมาจิ๊บรับงานละครหลายๆเรื่อง และเป็นการพลิกบทบาทเป็นนางร้ายและเป็นนักแสดงที่มีคุณภาพและมีความสามารถด้านการแสดงอีกคับคั่ง

สำหรับผลงานโดดเด่นของสาวจิ๊บนั้นมีมากมายหลายเรื่อง อาทิ กว่าจะรู้เดียงสา, กามเทพลวง, ลูกหลง, เบญจา คีตา ความรัก, รักล้นซอย, ยอดชายนายโข่ง, ทิวลิปทอง เป็นต้น

ผลงานเพลงประกอบละคร เพลง ดนตรีในหัวใจ เพลงประกอบละครเบญจา คีตา ความรักขับร้องร่วม เพลง เพื่อวันที่ดีกว่า เพลงประกอบละครเบญจา คีตา ความรักขับร้องร่วม

ในปัจจุบันนี้นอกจากงานในวงการบันเทิงแล้ว ยังทำงานมีธุรกิจส่วนตัว รวมไปถึงเธอยังมีธุรกิจส่วนตัวควบคู่ไปด้วย และนอกจากนั้นเธอยังเป็นพาร์ทเนอร์ร้านอาหารไทยที่ชื่อ Noi Thai Cuisine Greenlake ที่ Seattle ประเทศสหรัฐอเมริกา อีกด้วย

เจ้าชายแฮร์รี่

ประเด็นร้อนหนังสือ “Spare” จากมุมของเจ้าชายแฮร์รี่

หนังสือเจ้าชายแฮร์รี่ รอยเตอร์ สรุป ประเด็น จาก “Spare” หนังสือเล่มใหม่ ของ เจ้าชาย แฮร์รี รัชทายาท ลำดับ ที่ ห้า ของ บัลลังก์ อังกฤษ เกี่ยวกับความเชื่อมโยงของพระองค์ ต่อ สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 พระพ่อ, เจ้าฟ้าชายวิลเลียม พระเชษฐารวมทั้งรัชทายาทอันดับต้นๆของบัลลังก์อังกฤษ แล้วก็พระราชวงศ์อังกฤษท่านอื่นๆที่ไม่เคยถูกตีพิมพ์มาก่อน ในขณะที่ผู้ประกาศในท่านของกษัตริย์อังกฤษและเจ้าฟ้าชายวิลเลียม ปฏิเสธมีความเห็น ต่อ หนังสือ ประเด็นร้อน เล่มนี้

เจ้าชายแฮร์รี่ เจ้าชายวิลเลี่ยม

การทะเลาะวิวาทกับเจ้าฟ้าชายวิลเลียม

เจ้าชายแฮร์รี ทรงเผย ใน หนังสือเล่มนี้ ว่า เจ้าฟ้าชายวิลเลียม เคย ทรงผลัก พระองค์ล้มลงพื้น ขณะ ที่ ทั้งสอง พระองค์ ทรง ถกเถียง กัน เกี่ยวกับ เมแกน พระชายา ของ เจ้าชายแฮร์รี โดย พระองค์ ทรงระบุ ว่า เจ้าฟ้าชายวิลเลียม ตรัสว่า เมแกน เป็นคน “เจ้าปัญหา” “หยาบคาย” และ “ชอบยั่วโมโห”

เจ้าชายแฮร์รี ทรงเขียน ว่า พระเชษฐา ทรงกระชากปกเสื้อ และ ผลักพระองค์ ลง กับ พื้น ร่วง ลง บน ชาม อาหาร สุนัข จน แตก และ พระองค์ ปฏิเสธ คำ ท้า ของ เจ้าฟ้าชายวิลเลียม ให้ สู้กลับ ก่อน ที่ เจ้าฟ้าชายวิลเลียม จะ ตรัส ขอโทษ พระองค์ ใน เวลา ต่อมา

สมเด็จพระราชินีคามิลลา

เจ้าชายแฮร์รีตรัสว่า พระองค์แล้วก็พระเชษฐาทรงเคยขอไม่ให้พระบิดาสมรสกับคามิลล่า พาร์กเกอร์ โบลส์ ที่ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม เจ้าชายแฮร์รีทรงเผยว่า สุดท้ายแล้ว ทั้งยังพระองค์แล้วก็พระเชษฐาทรงอวยพรชีวิตคู่ของพระพ่อ และก็ยังทรงมองเห็นใจในความสัมพันธ์ของพระบิดาด้วย

เจ้าชายทรงเขียนว่า “แม้พวกเราจะรู้สึกระทมใจและโศกสลดต่อการจบเรื่องราวเมื่อคราวก่อนของแม่ของพวกเรา แม้กระนั้นเราก็เข้าใจว่าทั้งคู่หัวข้อนั้นไม่เกี่ยวข้องกัน”

ทรงงานเลี้ยงในชุดนาซี

รัชทายาทลำดับที่ห้าของบัลลังก์อังกฤษตรัสว่า เจ้าฟ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคท พระชายา ทรงยุให้พระองค์สวมชุดนาซี เพื่อทรงเข้าร่วมงานงานเลี้ยงแฟนซีเมื่อปี 2005 ซึ่งเจ้าชายแฮร์รีเคยทรงเปิดเผยว่า เรื่องราวครั้งนั้นเป็น “หนึ่งในความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดของข้าพเจ้า”

หนังสือเจ้าชายแฮร์รี่

หนังสือเจ้าชายแฮร์รี่ ข่าวลือเรื่องทรงเป็นลูกชู้ของเจ้าหญิงไดอานา

เจ้าชายแฮร์รีทรงปฏิเสธกระแสข่าวลือว่า พระองค์ทรงเป็นลูกชู้รักของพันตรีเจมส์ ฮีวิตต์ รวมทั้งเจ้าหญิงไดอานา รวมทั้งสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ยังไม่เคยตรัสติดตลกว่า ทรงไม่เคยรู้ว่าพระพ่อที่แท้จริงของเจ้าชายแฮร์รีคือผู้ใด โดยเจ้าชายทรงเห็นว่า เรื่องดังที่กล่าวถึงมาแล้วเป็นตลกขบขันร้าย เนื่องจากพระมารดาของท่านทรงพบกับฮีวิตต์เป็นเวลานานหลังเจ้าชายคลอดแล้ว

ความไม่ลงรอยเรื่องสถานที่จัดพระราชพิธีเสกสมรส

เจ้าชายแฮร์รีทรงอ้างถึงว่า สำนักพระราชวังอังกฤษเตะถ่วงการตัดสินใจเรื่องวันเวลาและก็สถานที่จัดงานพระราชพิธีเสกแต่งงานของพระองค์แล้วก็เมแกน

เจ้าชายบอกว่า เมื่อท่านทรงปรึกษากับเจ้าฟ้าชายวิลเลียมว่าจะสามารถจัดงานที่โบสถ์เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์หรืออาสนวิหารเซนต์พอลได้หรือไม่ พระเชษฐาทรงตอบว่า เจ้าชายแฮร์รีทรงไม่สามารถจัดงานในสถานที่ดังที่กล่าวมาข้างต้นได้ เพราะโบสถ์เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์เป็นสถานที่จัดงานของสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 กับเจ้าหญิงไดอานา ส่วนอาสนวิหารเซนต์พอลเป็นสถานที่จัดงานของเจ้าฟ้าชายวิลเลียมแล้วก็เจ้าหญิงเคทไปแล้ว

เจ้าชายแฮร์รีทรงระบุว่า พระเชษฐาทรงชี้แนะให้พระองค์จัดงานที่โบสถ์ประจำหมู่บ้าน ใกล้พระราชวังไฮโกรฟ เฮาส์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ ก่อนที่ท้ายที่สุดแล้ว เจ้าชายแฮร์รีและเมแกนทรงเข้าพิธีที่โบสถ์น้อยเซนต์จอร์จ ในปราสาทวินด์เซอร์ กรุงลอนดอน เมื่อพฤษภาคม 2018

เจ้าชายแฮร์รี่ เจ้าหญิงไดอาน่า

หนังสือเจ้าชายแฮร์รี่ ประวัติการเสพยา

เจ้าชายแฮร์รีทรงสารภาพว่า เมื่อครั้งทรงมีพระชนมายุ 17 ชันษา มีผู้บริจาคยาโคเคนท่านที่บ้านของบุคคลผู้หนึ่ง และเคยทรงเสพยาในหลายจังหวะ แต่ทรงรับรองว่า ทรงไม่ได้ติดยาเสพย์ติดจากที่สื่อรายงาน รวมทั้งไม่ได้ทรงโปรดสิ่งเสพติด

เจ้าชายทรงเขียนว่า “(การเสพยา) ไม่ได้บันเทิงใจมากมาย และก็ไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้าสุขสบายมากเป็นพิเศษเสมือนผู้เสพคนอื่นแต่ก็ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกต่างจากเดิม และนั่นเป็นเป้าประสงค์หลัก (สำหรับเพื่อการเสพยา) ของข้าพเจ้า ในขณะนั้นข้าพเจ้าเป็นเด็กชายอายุ 17 ปีที่พร้อมทดลองใดๆก็ตามที่แหวกกรอบขนบธรรมเนียมประเพณี”

เจ้าชายยังทรงเปิดเผยถึงช่วงที่ยังทรงศึกษาที่สถานที่เรียนอีตันว่า เคยทรงดูดกัญชาในห้องน้ำของที่ประทับ ระหว่างที่ตำรวจประจำบริเวณเธมส์ แวลลีย์ รักษาความปลอดภัยอยู่บริเวณนอกที่ประทับดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว

ประสบการณ์พบร่างทรงญาณทิพย์

รัชทายาทลำดับที่ห้าของอังกฤษทรงเผยว่า เคยทรงพบกับหญิงที่มี “พลัง” ผู้หนึ่งที่อ้างว่า เธอสัมผัสได้ถึงวิญญาณของเจ้าหญิงไดอานา เจ้าชายแฮร์รีตรัสว่า พระสหายแนะนำหญิงคนดังกล่าวให้พระองค์ และแม้จะทรงกังขาต่อหญิงคนนี้ แต่ทันทีที่ประทับลง “ข้าพเจ้ารู้สึกได้ถึงพลังงานรอบตัวเธอ”

เจ้าชายทรงระบุคำพูดของหญิงผู้นี้ว่า “พระมารดาตรัสว่า เจ้าชายได้ทรงใช้ชีวิตอย่างที่พระองค์ไม่มีโอกาส และเป็นอย่างที่เจ้าหญิงทรงต้องการให้เจ้าชายได้ทรงสัมผัส”

อาการประชวรเมื่อครั้งเสด็จเยือนทวีปอาร์กติก

เจ้าชายแฮร์รีทรงบรรยายถึงอาการประชวรเมื่อครั้งเสด็จเยือนขั้วโลกเหนือ โดยอาจทรงเป็นโรคความเย็นกัดขั้นต้นตามร่างกาย รวมถึงอวัยวะเพศของพระองค์

เจ้าชายทรงย้อนถึงช่วงที่ตรัสกับพระราชบิดาเกี่ยวกับอาการประชวรของพระองค์ ระหว่างเสวยมื้อค่ำในวันก่อนพระราชพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าฟ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคท “บิดาของข้าพเจ้ามีท่าทีสนใจและเห็นใจเมื่อข้าพเจ้ากล่าวว่า หูและแก้มของข้าพเจ้าถูกความเย็นกัด ข้าพเจ้าพยายามไม่พูดมากเกินไป และไม่บอกเขาว่า อวัยวะเพศของข้าพเจ้าก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน”

ภารกิจร่วมรบในอัฟกานิสถาน

เจ้าชายแฮร์รีทรงเผยว่า ทรงสังหารผู้คนไป 25 คน ระหว่างที่ทรงร่วมรบในตำแหน่งนักบินเฮลิคอปเตอร์ที่อัฟกานิสถาน โดยทรงร่วมปฏิบัติหกภารกิจ และมีคนเสียชีวิตในทุกภารกิจ เจ้าชายทรงมีความคิดเห็นว่า พฤติกรรมดังที่กล่าวผ่านมาแล้วนั้นยอมรับได้เนื่องจากทหารตาลิบันต้องการฆ่ากองกำลังฝั่งพระองค์เช่นเดียวกัน

“ข้าพเจ้าไม่ได้ภูมิใจต่อสถิติดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอับอายเช่นกัน เมื่อข้าพเจ้าอยู่ในสมรภูมิอันร้อนระอุวุ่นวาย ข้าพเจ้าไม่ได้คิดว่าบุคคลทั้ง 25 คนนั้นเป็นผู้คน แต่พวกเขาเป็นตัวหมากรุกที่ถูกนำออกจากกระดาน เป็นคนเลวที่ถูกกำจัดก่อนที่พวกเขาจะมีโอกาสสังหารคนดี”